สวัสดีค่ะทุกๆคน

ฉันชื่อปริญญา ตั้งแต่เด็กๆ ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อปริญญาเลยซักคน ในทางกลับกันฉันมักมีเพื่อนผู้ชายชื่อปริญญา เยอะแยะ ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เอ..แม่ฉันอยากให้ฉันเกิดเป็นผู้ชายรึเปล่า จึงตั้งชื่อฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็ชอบชื่อนี้นะ เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีความห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกทีเดียวเชียว

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Fly Now Outlet

Fly Now Outlet หัวหิน เอาท์เลตน้องใหม่ สำหรับสาวๆไซด์ฝรั่งอย่างเรา อิอิ


เมื่อวันหยุดรัฐธรรมนูญ ได้มีโอกาสแวะไป Fly Now Outlet หัวหินมา ทีแรกก็กะจะแวะไปดูเฉยๆ แต่ที่ไหนได้กว่าจะรู้ตัว หมดไปหลายพันทีเดียว อ๊ะ อ๊ะ ไม่ได้หมายความว่าโดนหลอก หรือของเค้าแพงนะคะ แต่เป็นเพราะว่า ของเค้าดี เราเลยเกิดกิเลส

ของเค้าดียังไงเหรอคะ อ๋อ สำหรับเดี๊ยนที่หุ่นค่อนข้างไปทางสาวยุโรป ซึ่งมักจะหาเสื้อผ้าใส่ไม่ค่อยได้ แต่พอมาที่นี่ กลับได้ใส่เสื้อไซด์ S , M ไม่น่าเชื่อจริงๆ พอหยิบตัวนั้นก็ใส่ได้ ตัวนี้ก็ใส่ได้ เลยเสียดายไปซะหมด วางไม่ลงสักตัวเลย ฮ่าๆ ราคาก็ไม่เชิงถูก แต่ดูจากคุณภาพแล้วก็สมน้ำสมเนื้อค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ตลาดนัดซึ่ง คุณภาพเนื้อผ้าไม่ค่อยดีนัก ก็ตัวละหลายร้อยแล้ว ใช่มั้ยคะ สำหรับที่นี่ก็เลยถือว่าไม่แพงมาก

พื้นที่ภายในเค้าจะแบ่งเป็นโซนเสื้อผ้า โซนเครื่องประดับ โซนร้านอาหาร และโซนขายขนม นอกจากนี้ก็มีโซนที่เค้าเรียก The Space ซึ่งคล้ายๆพิพิธภันฑ์ แสดงงานศิลปะและของเก่า ก็แปลกดี แถมเข้าชมฟรีด้วยนะคะ บริเวณรอบๆ ก็ทำคล้ายกับป่าเขตร้อน มีสะพานข้ามระหว่างสองฝั่งด้วย สวยดีค่ะ

เสียแต่โซนร้านอาหาร มีร้านอาหารขายน้อยไปหน่อย และไม่ค่อยอร่อย ก็เลยไม่ค่อยมีใครแวะกินอาหารกันมากเท่าไหร่

โดยรวมแล้วรู้สึกชอบเอาท์เล็ตนี้ที่สุด ตั้งแต่เคยไปเอาท์เลตมาหลายๆที่ ทั้งบรรยากาศ และสินค้า ใครที่ยังไม่เคยไปก็ลองแวะไปกันดูนะคะ แล้วจะติดใจ ถ้าใครมีเด็กๆไปด้วย ก็สามารถไปแวะถ่ายรูปกับพี่ไดโนเสาร์ ขาโจ๋ ที่อยู่ภายในได้อีกด้วย ตอนนี้มีอยู่สามตัว ตัวเบ้อเริ่มทีเดียว เด็กๆถ่ายรูปกันเพียบเลยค่ะ

O'clay house coffee

ร้านกาแฟริมทางที่ไม่ธรรมดา O'Clay house coffee


ร้านกาแฟร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม หากขับเลยจากตัวเมืองเพชรบุรี ประมาณ 10 กม.มุ่งหน้าไปทางหัวหิน ร้านจะเห็นเด่นชัดอยู่ทางซ้ายมือ เป็นร้านกาแฟสร้างใหม่ น่าจะไม่เกินสองปี เห็นร้านมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง เค้าสร้างร้านสไตล์บ้านดิน มองดูแปลกตาดี วันนี้มีโอกาสเลยได้แวะเข้าไปลิ้มรสกาแฟสดของเค้าสักที
บรรยากาศภายนอกร้านดีมากๆ มีโต๊ะ และชิงช้า ให้นั่งจิบกาแฟ พร้อมกับชมวิวท้องนาด้านข้าง หากมาในช่วงข้าวออกรวงคงจะดีไม่น้อย แต่น่าเสียดายว่าวันที่ไปเค้าได้เกี่ยวข้าวไปหมดแล้ว
บรรยากาศภายในร้านยิ่งน่ารัก มีการจัดมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูป พร้อมนั่งจิบกาแฟ และที่ชอบมากคือผนัง เป็นลายนูน ปั้นจากดิน น่ารักมากๆ














กาแฟสด และเครื่องดื่มต่างๆ ราคาประมาณ 35-45 บาท ต่อแก้ว ไม่แพง แล้วก็อร่อยด้วยล่ะ อร่อยจนลืมถ่ายรูปมาอวดเพราะ คุณสามี และคุณลูกชาย ดูดกันหมดเกลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับร้านกาแฟสดตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆบางที่ แก้วละเกือบหนึ่งร้อยบาท แต่รสชาติกลับธรรมด๊า ธรรมดา บางคนซื้อมาแล้วกินไม่ได้โยนทิ้งก็มี (เพื่อนอิชั้นเอง)
หากใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้น ก็อย่าลืมแวะอุดหนุนกันหน่อย เพราะของเค้าดีจริงๆค่ะ บรรยากาศก็ดี มีห้องน้ำสะอาดบริการ แถมคนขายก็อัธยาศัยดีมากๆเลย ไว้ไปหัวหินคราวหน้า จะแวะไปอุดหนุนชาเขียวซักแก้วอยู่เหมือนกันค่ะ อิอิ

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แล่นฉิว แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ ที่กำลังเติบโต

แล่นฉิว คือ แหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ ของอำเภอสวนผึ้ง ที่กำลังก่อร่างสร้างตัวด้วยความตั้งใจของพี่นิตา เจ้าของร้าน อามันเต้ คอฟฟี่ เพื่อจะให้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว อีกแหล่งหนึ่งที่ไม่แพ้บ้านหอมเทียน หรือ The Scenery และเป็นการช่วยกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน

แล่นฉิว เป็นชื่อของรถบัสคันหนึ่ง ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เก๋ไก๋ ภายในเต็มไปด้วย ของที่ระลึกเก๋ๆ ที่จะช่วยเตือนความทรงจำ ของผู้ที่เคยแวะเวียนมาที่สวนผึ้ง ให้จดจำสวนผึ้งเอาไว้ตลอดไป
บริเวณรอบๆ ก็ได้รับการตกแต่งไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวมีมุมสำหรับถ่ายรูป นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมทำโปสการ์ดที่ระลึกเป็นรูปของเราเอง กิจกรรมเพ้นท์เสื้อยืด หากใครมีเวลาว่าง ก็แวะไปช่วยกันให้กำลังใจแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของเรากันหน่อยนะคะ ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ข้างครัวม่อนไข่นั่นเองค่ะ

ครัวม่อนไข่ ร้านอร่อยของสวนผึ้ง


ครัวม่อนไข่ เป็นร้านหนึ่งในดวงใจ ดวงน้อยๆของเราทีเดียว เนื่องจากที่นี่มีเมนูสุดโปรดนั่นก็คือ ยำผักกูด ที่นอกจากจะหากินยาก ที่ร้านนี้ยังทำได้อร่อยโคตรๆ จริงๆนะจะบอกให้ แถมราคาอาหารไม่แพง เรียกว่าของเค้าดี แถมราคาย่อมเยาว์ด้วย

ใครรู้กันบ้างว่าม่อนไข่แปลว่าอะไร ฮั่นแน่!! ไม่รู้อะดิ ม่อนไข่เป็นชื่อของกล้วยไม้ป่าพันธุ์หนึ่ง ใครไม่เคยเห็นดอกไปดูได้ที่ต้นไม้หน้าร้านครัวม่อนไข่นี่ล่ะ แต่มีข้อแม้ว่าต้องไปตอนที่มันออกดอกนะ เพราะตอนนี้ดอกยังไม่ออก ใครอยากเห็นต้องไปหลายๆรอบ อิอิ

ร้านนี้อยู่ลึกเข้าไปทางเดียวกับสวนผึ้งรีสอร์ท และอ้อมกอดขุนเขา ขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านสถานีอนามัยผาปก และสถานีตำรวจไป ตรงขึ้นไปเรื่อยๆไม่ต้องเลี้ยวไปไหนเลย สักพักก็จะถึง ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ตรงข้ามกับร้านอามันเต้ คอฟฟี่ ถ้าไปช่วงเที่ยงคนจะเยอะมากจนเห็นรถจอดเรียงเต็มข้างทางไปหมดเลย

รรยากาศภายในร้านก็ตกแต่งแบบเรียบง่าย ด้วยโทนสีขาว แต่ก่อนร้านจะดูทึมๆ และเล็กกว่านี้ แต่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะขึ้น กิจการดีขึ้น เลยขยายร้านใหญ่โตและสวยขึ้น แต่ก็มีข้อเสียคือ แม่ครัวคงมีเท่าเดิม พอลูกค้าเยอะมากๆเลยทำไม่ทัน ต้องรอคิวนาน แต่ว่ารสชาติอาหารยังคงเยี่ยมเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ก็ถือว่า เอาน่ะ จะกินของอร่อยก็ต้องใจเย็นๆ หรือถ้าไม่อยากรอนานก็ไปช่วงสายๆ สัก 10 โมง หรือเลยบ่ายสามไป คนน่าจะน้อยลงค่ะ ร้านนี้เค้าเปิดถึงสองทุ่มนะจะบอกให้

วันนี้เราแวะไปอุดหนุนช่วงเที่ยงกว่าๆ คนกำลังเยอะทีเดียวทำให้ต้องรออาหารประมาณ 1 ชั่วโมง แต่หลังจากอาหารมาวางบนโต๊ะ ก็ไม่ผิดหวัง อร่อยทุกอย่าง ร้านนี้เค้าจะมีอาหารขึ้นชื่อคือ ยำผักกูด และอาหารที่ทำจากเห็ดโคน ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผัดน้ำมันหอย หรือใส่ในราดหน้า แกงจืด อร่อยทั้งนั้น แล้วก่อนกลับก็อย่าลืม ซื้อผักกูด หรือเห็ดโคนญี่ปุ่นกลับไปฝากพ่อแม่พี่น้องกันด้วยนะ บางวันที่ร้านเค้ามีเยอะๆเค้าจะแบ่งขายให้ลูกค้าด้วย ราคาก็ไม่แพงนะ เราซื้อประจำเลย
ผักกูดเป็นเฟิร์นชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่ในป่า ตามริมห้วย ถือเป็นผักปลอดสารพิษอีกชนิดหนึ่ง สามารถเอาไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง ทั้งยำ ผัดน้ำมันหอย หรือต้มจิ้มน้ำพริก เป็นผักที่หากินได้ยากนะ เพื่อนๆก็อย่าลืมสั่งมาลองดู แล้วจะติดใจเหมือนเรา
สำหรับใครที่อยากจะขึ้นเขากระโจม ข้างๆครัวม่อนไข่มีรถขับเคลื่อนสี่ล้อให้บริการนะ อิ่มแล้วก็แวะสอบถามหารถไปเที่ยวต่อพรุ่งนี้เช้าได้เลยจ้า

สวนผึ้งรีสอร์ท Season of love song


สวนผึ้งรีสอร์ท จัดเป็นรีสอร์ทน้องใหม่แห่งหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งปีนี้ประเดิมเปิดตัวโดยรับเป็นสถานที่จัด Season of love song คอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ที่จะจัดรับลมหนาวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ของอำเภอสวนผึ้ง
ทางไปก็สุดแสนจะง่ายดาย เพียงแค่ขับตรงขึ้นไปทางอำเภอสวนผึ้งไปเรื่อยๆ ไม่มีแยกไปทางไหนเลย รีสอร์ทจะอยู่ทางขวามือ แต่ระหว่างทางไปทางบางช่วงอาจจะแคบ ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่นิดนึง


วันนี้ได้มีโอกาสขับรถขึ้นไปแถวนั้น เห็นมีการไถที่เพื่อทำที่จอดรถ และพื่นที่สำหรับตั้งร้านค้าต่างๆ ท่าทางวันงานคงคึกคักน่าดู ลานสำหรับกางเต๊นท์ก็ถูกจัดเตรียม ตีเส้นเป็นตารางๆไว้เรียบร้อย แถมบางส่วนยังอยู่ใกล้ริมห้วย บรรยากาศคงดีไม่น้อยทีเดียวมาดูบรรยากาศภายในรีสอร์ทกันบ้าง รีสอร์ทนี้ได้จัดทำห้องพักเป็นห้องภายในตัวการ์ตูน เรื่องมนุษย์หินฟริ้นสโตนขนาดยักษ์ ดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ น่าจะเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ หรือมีเด็กโข่งแบบเรา ภายในมีร้านอาหารสำหรับให้บริการแขกที่มาพักและนักท่องเที่ยวด้วยนะ หากใครมีโอกาศก็แวะไปชิมกันได้ หรือไม่กิน ไม่พัก จะเข้าไปถ่ายรูปเก๋ๆเหมือนกับเราก็ได้ ไม่ผิดกติกา เพราะเค้าเปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมภายในรีสอร์ทได้จ้า

รีสอร์ทดังๆที่อยู่ใกล้เคียงก็มีมากมายให้เลือกสรร เช่น อ้อมกอดขุนเขา ,The Camp ก็เลือกกันตามอัธยาศัยของกระเป๋าแต่ละคนนะคะ

Swiss Valley รีสอร์ทหรู แห่งใหม่


Swiss Valley รีสอร์ทหรูแห่งใหม่ เนื้อที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา อยู่บนเส้นทางเดียวกันกับ The Scenery Resort รีสอร์ทนี้ไม่เคยไปพัก ได้แต่ชะเง้อดูจากข้างนอก (หลายๆคนก็เหมือนเรา อิอิ แอบมาจอดรถถ่ายรูปแล้วก็ไป) แค่นี้ก็ตื่นตาตื่นใจ เพราะด้านหน้าสวยมาก

ตอนนี้ด้านหน้ารีสอร์ทเค้าเปิดเป็นร้านพิซซ่าด้วยนะ ชื่อร้าน Swiss Pizza ร้านเค้าน่ารักมากเลย สีแดงสดใส ถ่ายรูปออกมาสวยมาก พิซซ่าก็น่าจะอร่อยนะ ยังไม่เคยลองเหมือนกัน เพราะคาดว่าน่าจะแพง ไว้เงินเดือนออกแล้วจะแวะไปชิมนะ ช่วงนี้ใกล้สิ้นเดือนเงินน้อย ก็ต้องรัดเข็มขัดนี้ดนึง
ช่วงนี้ใครไปเที่ยวก็อย่าลืมแวะละกันนะ ถ้าได้ไปชิมพิซซ่าก็บอกด้วยละกันว่าอร่อยป่าว ถ้าอร่อยจะได้แวะไปชิมบ้าง (คงแค่ชิมนั่นแหละ ถ้ากินคงหมดตัว อิอิ)

The Scenery Resort & Farm ไปเลี้ยงแกะกัน

The Scenery Resort & Farm รีสอร์ทดังมาก ของอ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ในวินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก และหากใครที่มาราชบุรีแล้วไม่ไป ก็เรียกได้ว่า มายังไม่ถึง จังหวัดราชบุรี (ขนาดนั้นเชียว)
กิจกรรมสุดฮิตภายในรีสอร์ทก็คงหนีไม่พ้น การให้อาหารแกะผู้หิวโหย และถ่ายรูปกับฝูงแกะ และมุมฮิพๆ ที่จัดเอาไว้ภายในคอกแกะ นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมการยิงธนู


ถ้าจะมาเลี้ยงแกะ เค้าเปิด 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น แต่ถ้าจะให้ดี แดดล่มลมตก มากันซักบ่ายสี่โมง จะได้ไม่ร้อนมาก เพราะช่วงกลางวันนี่ร้อนจนยิ้มไม่ออกกันเลยทีเดียว สนนราคาการจะได้เข้าไปเลี้ยงแกะให้รีสอร์ทเค้าก็ ไม่มากมายอะไร ผู้ใหญ่ 40 บาทมีหญ้าพันธุ์เนเปียให้ 4-5 ก้าน เด็ก 20 บาท ไม่มีหญ้าให้ ถ้าอยากซื้อหญ้าเพิ่ม ก็อีก 20 บาท อิอิ แต่ลูกเราไม่ต้องซื้อใช้วิธีเก็บหญ้าตามพื้น ที่แกะมันกินเหลือแล้ว แป่ว!! เมื่อได้หญ้ามาแล้วก็พร้อมลุย ถ้าชอบแบบแอดแวนเจอร์ แนะนำมาวันธรรมดานะคะ เพราะว่าฝูงแกะจะตื่นตัวมาก คุณไม่ต้องเดินเข้าไปหามันเลย เพราะแกะทั้งฝูงจะวิ่งมาหาคุณทันทีที่ก้าวลงบันไดคอก แต่ถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์ มันจะอิ่มไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่ อย่างเจ้าตัวข้างล่างนี้เป็นต้น นอนกินอย่างเดียวเลย
หลังจากเลี้ยงแกะ และถ่ายรูปกับน้องแกะกันจนอิ่มใจแล้ว สามารถแวะรับประทานสเต็กได้นะคะ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องสเต็กมาก แต่เดี้ยนไม่เคยได้ลองกับเค้าหรอกนะคะ แค่เลี้ยงแกะก็แทบจะหมดตัวแล้วค่ะ
หลังจากอิ่มทั้งใจ อิ่มทั้งกายกันแล้ว ก็แวะซื้อของฝาก ของที่ระลึกด้านหน้ารีสอร์ทกันได้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อ และตุุ๊กตาน้องแกะ (จริงๆในรีสอร์ทก็มีนะ แต่อยากสนับสนุนรายได้ให้ชาวบ้านเค้าบ้าง) แต่ขอแนะนำร้านขายเสื้อร้านหนึ่ง เป็นเพื่อนที่ทำงานเราเอง แบบว่าเค้าขายถูก แล้วมีเปอร์เซ็นต์ค่าโฆษณาให้เราด้วย (อิอิ ล้อเล่นนะ) ร้านหาไม่ยาก แถมแต่งร้านเก๋ไก๋ ไปถึงก็อย่าลืมไปแวะอุดหนุนกันหน่อยนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผัดไท ท่ายาง

ผัดไท ท่ายางแสนอร่อย เคยไปกินกันมั้ยคะ ถ้าไม่เคยตามมาสิคะ จะพาไปชิม
ท่ายาง เป็นอำเภอๆหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี ก่อนจะไปถึงชะอำ จึงไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่า ถ้าสั่งผัดไทกุ้งสดแล้วกุ้งจะไม่สด พอเลี้ยวเข้าอำเภอท่ายางแล้ว ให้สังเกตุป้ายสถานีตำรวจภูธรท่ายาง แล้วเลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ จากนั้นจะเจอแยกที่มีห้างทองบุญทิพย์ ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนเส้นนั้น จากนั้นขับตามถนนไปเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ทางขวามือ ขึ้นป้ายว่าร้านผัดไท ท่ายางค่ะ หาไม่ยาก เพราะรถจะจอดเรียงเต็มหน้าร้าน แต่ไม่ต้องกลัวไม่มีที่จอดนะคะ เลยไปอีกนิดจะมีโรงเจ เข้าไปจอดรถด้านในได้ค่ะ
บรรยากาศภายในร้านก็ตกแต่งแบบเรียบง่าย เหมือนร้านขายอาหารของชาวบ้านธรรมด๊า ธรรมดา ออกแนวอินเทรนด์เหมือนย่านตลาดเก่าร้อยปี และก็มีนักชิมหน้าเก่าและใหม่ ผลัดเปลี่ยนแวะเวียน กันมาลิ้มลองไม่ขาดสาย




สำหรับฉันแล้ว ร้านนี้ถือเป็นร้านประจำร้านหนึ่ง ที่มักจะต้องแวะมาอยู่เสมอ เนื่องจากติดใจในรสชาติของผัดไทกุ้งสด ที่มีกุ้งสดตัวโต และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

ราคาผัดไทร้านนี้ก็ไม่แพงค่ะ เส้นเล็กถ้าไม่ใช่ผัดไทกุ้ง หรือทะเลก็ 30 บาท ถ้าผัดไทกุ้งหรือทะเลก็ 40 บาท แต่ถ้าเป็นวุ้นเส้นก็จะแพงกว่าหน่อยคือ ถ้าไม่ใช่ผัดไทกุ้ง หรือทะเลก็ 35 บาท ถ้าผัดไทกุ้งหรือทะเลก็50 บาทค่ะ

เมนูสุดโปรดก็ต้องนี่เลยค่ะ ผัดไทกุ้งสด ดูสิคะ กุ้งสดตัวโต พอๆกับลูกมะนาวเลย แถมสุกพอดีๆ เคี้ยวแล้วกรอบ เด้งในปากมากๆ อร่อยจริงๆค่ะขอบอก

ถึงแม้ว่าร้านนี้จะชื่อ ร้านผัดไท ท่ายาง แต่ไม่ได้มีขายแต่ผัดไทนะคะ ข้าวผัด ข้าวผัดกระเพรา หรือเกี๊ยวน้ำ บะหมี่ ราดหน้า ผัดซีอิ๊วก็มีให้เลือกหลากหลาย สำหรับฉันเคยลองแต่ข้าวผัดกุ้งกับผัดไทเท่านั้นค่ะ เพราะติดใจความอร่อย เพื่อนๆ จะลองสั่งอย่างอื่นมาลองดูก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ถ้าอร่อยก็อย่าลืมมาบอกกันบ้างนะคะ
อ้อ !! ร้านนี้จะหยุดทุกวันพุธนะคะ ถ้าใครอยากลองแวะไปก็อย่าลืม หาวันอื่นตั้งแต่พฤหัส ถึง อังคาร ถ้ามาผิดวัน ก็จะอดรับประทาน เดี๋ยวจะมาหาว่าคนแนะนำไม่บอก อิอิ

หลังจากอิ่มอร่อยกับผัดไทแล้วก็อย่าลืมแวะอุดหนุน ทองม้วนแม่เล็กร้านข้างๆด้วยนะคะ มีทั้งทองม้วนนิ่ม ทองม้วนกรอบ เค้านั่งทำกันสดๆตรงนั้นเลยค่ะ ลงจากรถก็จะได้กลิ่นทองม้วนลอยมาเตะจมูกทันที
ของโปรดของเราที่จะนำเสนอคือ ทองม้วนนิ่มค่ะ หอม หวาน มัน กำลังดี มีสามไส้ให้เลือก ทั้งข้าวโพด มะพร้าวอ่อน แล้วก็เผือก อร่อยทุกไส้เลย ซื้อกินระหว่างทางหรือเป็นของฝากก็ดีทั้งนั้น แต่จะยอดเยี่ยมมากๆ คือมาฝากเค้าด้วยนะตัวเอง คริๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ฟาร์มโชคชัย ที่ใครๆก็ไปเที่ยวกัน

ฟาร์มโชคชัย ที่ใครๆก็ไปเที่ยวกัน
จาก Palio เราก็ขับรถต่อไปยังฟาร์มโชคชัย เพราะไม่รู้จะไปไหนดี เนื่องจากเราไม่อยากขับรถอ้อมไปมาเนื่องจากมีเวลาไม่ค่อยมาก เราจึงแวะกันที่ฟาร์มโชคชัยเมื่อไปถึง เราได้จองบัตรสำหรับเข้าเยี่ยมชมในฟาร์มตามคำโฆษณาของคนขายบัตร ที่บอกว่า "ใช้เวลาในการเข้าชม 3 ชั่วโมง แต่ทุกๆคนจะบอกว่าเหมือนแป๊บเดียวเพราะจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมมากมายภายในฟาร์ม" เราก็หลงเชื่อ ขณะนั้นเวลาประมาณ 11 โมง เราได้บัตรรอบบ่ายโมงครึ่ง แต่ก็เอาน่ะ เพื่อลูกจะได้มีประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ไหนๆก็มาแล้ว ก็รอนิดนึง
แฮะๆ ตัดสินใจได้แล้วก็ไปหาอะไรกิน น้องเกม ได้กินลูกชิ้นหมูไม้ละ 20 บาท 2 ไม้ ส่วนคุณพ่อและคุณแม่ ได้เบอเกอร์ชิ้นละประมาณ 100 บาทเป็นอาหารกลางวัน อร่อยนะ กินแล้วติดใจ มีทั้งเบอเกอร์หมู และเนื้อให้ได้เลือก เค้ามีบริการซื้อกลับบ้านด้วย แต่เราขอบายดีกว่า กว่าจะขับถึงบ้านมันคงไม่อร่อยแล้วล่ะ ถ้าคนมีเงินนิดก็แนะนำร้านสเต็กโชคชัยนะคะ ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นไง รู้แต่ว่าดูเมนูแล้ว เห็นราคาก็รู้สึกอิ่มทันที ฮะๆๆๆและแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงซักที ห้องแรกที่เค้าเปิดให้เข้าก็จะมีวิดีโอเกี่ยวกับประวัติของฟาร์มโชคชัยให้ชม ดูแล้วก็นึกถึงหนังคาวบอยตะวันตกจริงๆ เพิ่งรู้ว่าเมืองไทยก็มีการเลี้ยงวัวแบบคาวบอยจริงๆด้วย นึกว่าเค้าเอาชุดมาแต่งเล่นๆซะอีก
ต่อไปก็พาเข้าไปด้านในฟาร์ม ก่อนเข้าทุกคนต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคก่อน ทั้งมือและเท้า แล้วเค้าก็พาไปดูวิดีโอการรีดน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ จากนั้นก็พาไปดูการรีดนมวัว แล้วก็ห้องผลิตไอศครีมแล้วก็นม แต่ดูแค่ข้างนอกนะ เค้าไม่ได้ให้เข้าไปดูการผลิตในห้องผลิต แค่ดูจากที่นั่งไกล จากนั้นก็มีไอศครีมให้ชิมคนละประมาณ 1 ช้อนชา ถ้าอยากชิมเพิ่มต้องซื้อเพิ่มเองจ้า
พอชิมไอศครีมให้รู้สึกอยากแล้ว เค้าก็พานั่งรถ ไปชมรอบๆฟาร์ม ซึ่งทุกคนก็จะได้รับกลิ่นธรรมชาติของมูลแม่วัว พร้อมชมไร่ปลูกหญ้าอาหารสัตว์ แล้วก็ไปแวะชมโชว์จากคาวบอย คาวเกิร์ล หากใครอยากขี่ม้า ก็มีให้ขี่ แต่ต้องจ่ายเพิ่ม ใครหิวก็มีผลิตภัณฑ์ จาก Umm milk ขายตลอดทริป ไม่ต้องกลัวอดนะคะ ถ้ามีเงินจ่ายอิอิ
ที่ชอบที่สุด คือ สวนสัตว์เด็ก ที่จะมีโชว์การแสดงสัตว์ และมีสวนสัตว์ให้เด็กเข้าไปเลี้ยงอาหารสัตว์ต่างๆได้ เช่น ลูกวัว กวาง กระต่าย เด็กๆจะชอบมากๆค่ะ ซึ่งแน่นอนว่า ค่าอาหารสัตว์ก็ต้องจ่ายเองอีกเช่นกัน
สรุปว่าค่าตั๋วเข้าชมประมาณ 250 บาท คุณจะได้รับกระเป๋าผ้าใส่บัตรเข้าชม 1 ใบ ,ไอศครีม 1 ช้อนชา ,มีบริการร่มให้ยืม สำหรับเดินชม 2 คน/1 คัน , ค่านั่งรถนำเที่ยวภายใน , ค่าชมการแสดงคาวบอย และการแสดงสัตว์แสนรู้ค่ะ ก็ไม่เชิงว่าแพงนะคะ แต่รู้สึกว่ามันดูเป็นธุรกิจมากเกินไป เลยรู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็สนุกแปลกๆดี ถ้ามีเด็กไปด้วยเด็กจะชอบมากค่ะ เพราะมีอะไรแปลกๆที่เค้าไม่เคยเห็นให้ดูหลายๆอย่าง ยังไงลองเข้าไปเที่ยวดูแล้วกันนะคะ คนอื่นๆอาจจะชอบก็ได้ค่ะ

Palio เขาใหญ่


Palio เขาใหญ่
หลังออกจากสวนสัตว์โคราช เราก็ขับตรงมาเขาใหญ่กันเลย คืนนี้พักที่จุลดิศเขาใหญ่ โรงแรมเก่าแก่ชื่อดังแห่งเขาใหญ่ แต่ไม่แพงหรอกนะคะ คืนละ 2,000 เองน่ะ ที่เลือกพักที่นี่เพราะอยู่ติดกับ Palio ที่เที่ยวชื่อดังแห่งใหม่ของเขาใหญ่ และมีสระว่ายน้ำ กะว่าจะพาลูกไปว่ายน้ำเล่นชิวๆซะหน่อยแต่น้องเกมกลับเป็นหวัด น้ำมูกไหลยืดเลยอด ได้แต่ยืนดูคนอื่นเล่นจากระเบียงห้อง so sad จริงๆ พอตกค่ำ ก็เลยเดินไปโฉบแถวๆ Palio ซะหน่อย อารมณ์ประมาณเดินไปเที่ยวเล่นข้างๆบ้านเลยทีเดียว ค่ำๆแบบนี้ ร้านรวงเปิดไฟสว่างไสว ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ หนุ่มๆสาวๆมากมายก็นั่งหลบมุมกิน ดื่มกันไปตามประสา ไอ้เราเริ่มแก่ ขอแค่ถ่ายรูปแล้วก็ขอบาย ไว้เช้าก่อน ค่อยเจอกันใหม่


วันต่อมารีบตื่นกันแต่เช้า หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อย เราสามคนพ่อแม่ลูก ก็เดินชิวๆไปยังPalio ซึ่งยามนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากันซักกลุ่ม เราสามคนจึงแทบจะเป็นเจ้าของมุมถ่ายรูปทุกมุมใน Palioทีเดียว
ภายใน นอกจากจะมีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปสวยๆมากมาย ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเก๋ๆ รวมถึงร้านของฝากจากโคราช เช่นจากไร่ปภัสรา ก้มีมารวมเอาไว้ที่นี่ ให้เลือกช้อปปิ้งกันอย่างจุใจ แต่สำหรับอิชั้นซึ่งไม่ชอบการช้อปปิ้งเท่าไหร่นัก ก็เดินถ่ายรูปกับมุมต่างๆ ยิ่งเช้าๆไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแบบนี้ยิ่งสบายจริงๆ เดินถ่ายมุมนั้น มุมนี้ จนเพลิน ครั้นมองรอบตัวอีกครั้งก็ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายโผล่มากันเมื่อไหร่ เราเลยใจดี ยกมุมถ่ายรูปของเราให้คนอื่นๆได้เชยชมบ้าง ว่าแล้วก็เดินกลับบ้าน เอ่ย กลับโรงแรมไปเก็บข้าวของเพื่อเดินทางกันต่อ
หากใครที่ชอบถ่ายรูป อยากได้ทั้งภาพกลางวัน และกลางคืนที่ Palio นี่ล่ะก็ แนะนำพักที่ Palio ได้เลยเพราะเค้ามีห้องพักด้วย หรืออาจจะพักที่ จุลดิสเขาใหญ่ก็ได้ค่ะ เพราะอยู่ติดกันเลย แถมบรรยากาศก็ดีด้วยค่ะ

สวนสัตว์โคราช

สวนสัตว์โคราช
21 สิงหาคม เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมประมาณ 9 โมง แล้วขับรถต่อไปยังสวนสัตว์โคราชกัน ไปถึงสวนสัตว์ประมาณ 10 โมงก็เห็นคนมาเที่ยวกันเยอะแล้ว หลายๆครอบครัวก็พาลูกหลานมาเที่ยวสวนน้ำที่เปิดให้บริการในสวนสัตว์ด้วย แต่พอดีเราจองที่พักที่ในสวนสัตว์โคราชไม่ทัน ต้องเลยไปพักทางเขาใหญ่ ก็เลยไม่ได้แวะเข้าไปใช้บริการสวนน้ำ แต่ตั้งใจไว้ว่า คราวหน้าจะจองที่พักใน สวนสัตว์และไปใช้บริการสวนน้ำให้ได้เลย
ภายในสวนสัตว์มีรถรางให้บริการ แล้วก็มีจักรยานให้เช่าปั่นชมรอบๆ พวกเราเลือกรถรางเพราะขี่เกียจปั่น รถกอล์ฟให้เช่าก็มีนะรู้สึกจะสามร้อย แต่แพงไปเราเลยขอรถรางดีกว่า 20 บาทเอง ซึ่งที่แรกที่รถรางไปจอดก็คือจุดแสดงแมวน้ำ ซึ่งเราอยากมาชมที่สุด เพราะสวนสัตว์อื่นๆไม่เคยเห็นมี ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะเจ้าแมวน้ำทั้งสองตัวแสดงได้เก่งและน่ารักมากๆ เลย เรียกว่ามาดูอย่างเดียวก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่มาเลยทีเดียว
นอกจากแมวน้ำแล้วจุดเด่นอีกอย่างของสวนสัตว์โคราชคือ BIG Five ซึ่งก็คือสัตว์ใหญ่แห่งแอฟริกา 5 ชนิด ได้แก่ ช้าง ยีราฟ แรด สิงโต แล้วก็อะไรอีกอย่าง จำไม่ได้แหะ นอกจากนี้ก็มีสัตว์แอฟริกาอีกหลายชนิดซึ่งไม่ค่อยได้เห็นที่สวนสัตว์อื่น เช่น ไฮยีน่า วิวเดอบีส ตอนนี้สวนสัตว์โคราชก็กำลังปรับปรุงสถานที่อยู่ คาดว่าปีหน้าคงจะอลังการกว่านี้อีกค่ะ ไว้ไปเที่ยวอีกจะถ่ายรูปมาให้ดูนะคะ
กิจกรรมอื่นๆภายในสวนสัตว์โคราช
นอกจากการเที่ยวชมสัตว์นานาชนิดภายในสวนสัตว์แล้ว ทางสวนสัตว์เค้ายังมีกิจกรรมอื่นๆให้ได้ทำกันอีกด้วย เช่น เที่ยวชมสวนไดโนเสาร์จำลอง ถ่ายรูปที่ระลึกฟรี แต่ที่ลูกชายชอบมากที่สุด คือ รถ ATVสำหรับเด็ก ที่ทางสวนสัตว์เค้าเตรียมไว้ล่อเงินจากกระเป๋าพ่อแม่ 5 รอบ 20 บาท เท่านั้นเอง เราเห็นว่าไม่แพงมากเลยให้ลองเล่นดู ปรากฎว่ารอบเดียวไม่พอซะแล้ว ขอเบิ้ล 2 รอบ คุณพ่อก็เลยต้องจัดให้ ตามความเห็นของเรา เราว่าราคามันถูกมาก หากไปเล่นที่อื่นคงซัก 120 ได้ ที่นี่ราคายุติธรรมดี ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสจะกลับมาเล่นอีกค่ะ อย่าเพิ่งเลิกซะก่อนนะคะ ใครที่มีลูกหลานอายุใกล้เคียงกัน ก็ลองพาไปเล่นกันดูได้ รับรองว่าติดใจกันแน่นอนค่ะ

โรงแรมดาราบุรี บูติก โคราช

โรงแรมดาราบุรี บูติก โคราช
20 สิงหาคมที่ผ่านมา มีโอกาสไปประชุมที่ขอนแก่น ขากลับเลยแวะไปเที่ยวที่โคราชกันสามคนพ่อแม่ลูก สนุกมากๆเลยล่ะ วันนั้นกว่าจะไปถึงโคราชกันก็ประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆแล้ว ไม่เคยขับรถมาโคราชเลย ก็กลัวๆอยู่ว่าจะหาที่พักไม่เจอเพราะฟ้าเริ่มมืด แถมฝนก็จะตก โชคดีที่ โรงแรมหาไม่ยากมาก คืนนี้เราจองที่พักไว้ที่ ดาราบุรี บูติก ซึ่งห้องพักจะมีไม่มาก เป็นโรงแรมเล็กๆ แต่ตกแต่งได้น่ารักมากๆ บรรยากาศดี คนไม่ค่อยพลุกพล่าน พนักงานก็บริการดี เสียอย่างเดียวห้องน้ำดูน่ากลัวไปหน่อย เพราะไฟมันจะสลัวๆ เราเลือกห้องพักสไตล์จีนด้วยมั้ง มันเลยสลัวเข้ากับแบบห้อง ส่วนห้องสไตล์อื่นจะเป็นยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเค้ามีห้องพักให้เลือกหลายสไตล์
เช้าวันถัดมาเราจะเดินทางไปเที่ยวสวนสัตว์โคราชกันต่อ อาหารเช้าที่ได้กินกัน วันนั้นมีข้าวต้มหมู อร่อยมากๆเลย แล้วก็มีน้ำส้ม ขนมปังปิ้ง กาแฟ โอวัลติน ก็ดูเป็นอาหารธรรมดานะ แต่อร่อย ก็ค่อนข้างประทับใจนะกับโรงแรมนี้ ถ้าครั้งหน้าได้ไปโคราชอีก คงจะต้องไปพักที่นี่อีกแน่นอนเลย แต่คงต้องขอเลือกห้องแบบอื่นๆดูบ้าง จะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบ