สวัสดีค่ะทุกๆคน

ฉันชื่อปริญญา ตั้งแต่เด็กๆ ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อปริญญาเลยซักคน ในทางกลับกันฉันมักมีเพื่อนผู้ชายชื่อปริญญา เยอะแยะ ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เอ..แม่ฉันอยากให้ฉันเกิดเป็นผู้ชายรึเปล่า จึงตั้งชื่อฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็ชอบชื่อนี้นะ เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีความห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกทีเดียวเชียว

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

Universal Studio Singapore

Universal Studio Singapore ตั้งอยู่บนเกาะเซ็นโตซ่า เวลาจะเข้าไปที่เกาะก็จะต้องไปขึ้นรถไฟฟ้า ที่ห้าง vivocity โดยจะต้องขึ้นไปซื้อตั๋วที่ชั้น 3 แต่หากใครที่มีบัตร ezylink แล้วก็ผ่านประตูเข้าไปได้เลยค่า
พอลงรถไฟฟ้าที่สถานีแรก ก็จะมีป้ายบอกว่าไป Universal Studio ก็เดินตามไปเรื่อยๆ หาง่ายมาก เดินไปนิดเดียวก็ถึงเลยค่ะ

เราไปถึงประมาณ 10 โมงครึ่ง เพราะเดี๋ยวนี้เค้าเปิดกัน 10 โมงเช้าแล้ว คนก็ไม่เยอะเท่าไหร่เพราะไปวันศุกร์ เลยไม่ต้องซื้อ express pass เมื่อไปถึงเราก็เข้าไปที่ส่วนของ มาดาร์กัสก้า ก่อนเลย เพราะว่าลูกชายไปเที่ยวสวนสนุกครั้งแรก ต้องเริ่มจากอะไรที่เบาๆก่อนเลยเริ่มกันที่ King Julien's Beach Party -Go-Round ม้าหมุนก็จะเป็นตัวละครในเรื่อง วิ่งวนไปวนมาเหมือนม้าหมุนทั่วไป ไม่มีอะไรพลิกแพลง (นั่นสินะ ก็ม้าหมุนนี่นะ จะให้พลิกแพลงยังไงได้เนอะ)
จากนั้นก็ไปต่อกันที่ อาณาจักร Far Far Away ซึ่งที่นี่ มี Enchanted Airway ซึ่งเป็นรถไฟเหาะมังกร ที่เป็นแฟนของเจ้าดองกี้ ในเรื่อง shrek เสียดายลืมถ่ายรูปมาให้ดูเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นรถไฟ เด็กเล็กๆที่สูงกว่า 92 ซม.ขึ้นได้นะคะ ลูกชาย 4 ขวบก็ไปขึ้นมาแล้ว สูงและเร็ว ทำให้ตื่นเต้นพอสมควร แต่ก็ไม่ร้องไห้แฮะ
จากนั้นก็ไปต่อกันที่ Shrek 4D รอไม่นานแค่ ประมาณ 20 นาทีก็ได้เข้าไปดูแล้ว ถ้าเทียบกับที่ ญี่ปุ่นที่ต้องรอ 2 ชั่วโมง ที่นี่ถือว่าเด็กๆมากทีเดียว แม้เรื่องจะเหมือนกัน แต่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น ก็เลยได้อรรถรสมากกว่า อย่าลืมเข้าไปดูกันนะคะ พอออกจาก Shrek 4D จะมีชิงช้าสวรรค์เล็กๆให้เด็กเล็กและเด็กโข่งอย่างเราขึ้นได้ด้วย เรียกอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่อยู่ในร้านขายของที่ระลึก ลองเข้าไปดูได้นะคะ
พอขึ้นชิงช้าสวรรค์เสร็จแล้ว ก็เดินต่อไปยังส่วนของ The lost world ที่นี่ก็จะมี Water world ซึ่งเป็นโชว์ special effect และสตั้นแมน ก็สนุกดีใครอยากสนุกมากๆให้นั่งแถวด้านหน้าเพราะจะมีคนมาฉีดน้ำใส่ ให้ได้ชุ่มฉ่ำ เข้ากับบรรยากาศ ใครไม่อยากเปียกก็ถอยมาด้านหลังๆนิดนิงก็ดีนะคะ


ต่อมาก็เป็นส่วนของ Jurassic park ก็จะมี Jurassic Park Rapids adventure และ Dino-Soarin แต่ไม่ได้เข้าเพราะคนเยอะ และลูกชายเข้าไม่ได้ เลยไปเล่น Canopy flyer แทน ก็สนุกดี แต่มันเด็กๆมากเลย แถมอันที่เรานั่งดันยกขึ้นลงไม่ได้อีก เลย ไม่ตื่นเต้นเลย ใครจะไปเล่นต้องเล็งดีๆนะคะ ว่าอันไหนที่ยกขึ้นลงไม่ได้บ้าง ไม่งั้นจะพลาดอย่างเราจากนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราก็เข้าไปในโซน Ancient Egypt กันต่อเลย ขอบอกว่าไม่ได้แวะกินข้าวกลางวันกันเลยทีเดียวเพราะแพงจนกินไม่ลง ก่อนเข้ามาใน universal เราแวะซื้อซาลาเปาและทาร์ตไข่ มาจากร้าน Tak Po แล้วก็เอาเข้ามากิน น้ำดื่มเค้ามีน้ำเย็นให้กดดื่มฟรีตลอดงาน เลยเสียเงินไปแค่ 4$ ค่าน้ำหวาน 1 แก้วเท่านั้น อิอิTreasure Hunter เป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก แต่น่าแปลกมากที่ต้องรอนานถึง 45 นาที แต่เราก็รอ เพราะตั้งใจพาลูกมาเที่ยว จึงต้องยอมเสียสละ (ช่างเป็นแม่ที่ใจดีอะไรอย่างนี้นะเราเนี่ย)
Revenge of the Mummy ที่อยู่ติดกัน รอแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง (คนที่นี่ท่าทางจะใจไม่ค่อยถึงกันแฮะ ส่วนใหญ่ของเล่นที่เสียวๆไม่ค่อยมีคนเล่นกันเท่าไหร่) พอเสร็จจากTreasure Hunter เราก็ไปเข้า Revenge of the Mummy ทันที โดยฝากลูกไว้กับสามีด้านนอก อิอิ ขอบอกว่าสนุกมาก ห้ามพลาด
ต่อจาก Ancient Egypt เราก็ไปต่อกันที่โซน Sci-Fi City ซึ่งโซนนี้มีเครื่องเล่นสุดน่ากลัวซึ่งเราก็ไม่ได้ขึ้นแต่ส่งสามีไปขึ้นแทน สามีบอกว่า ลงมาแล้วเกือบเดินไม่เป็นทีเดียว นั่นคือ Battlestar Galactica ซึ่งไม่ต้องรอเลย เข้าไปก็ได้เล่นทันที (สงสัยไม่มีใครกล้าเล่น) ในโซนนี้มีถ้วยหมุนที่เรียกว่า Accelerator ให้เล่นอีกอย่างนึง ซึ่งเราก็พาลูกเข้าไปเล่นระหว่างรอสามี ก็สนุกดีค่ะ
ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มหมดแรงกันแล้วเพราะอากาศที่ร้อนจัด โซน New York และโซน Hollywood ไม่มีเครื่องเล่นอะไร จะมีแต่โชว์ต่างๆ ก็เข้าไปดูกัน เค้าก็ทำดีนะคะ สนุกใช้ได้ ด้านนอกก็มีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยค่ะ แถมยังมีพวกที่แต่งตัวเป็นตัวละคร หรือตัวการ์ตูนออกมาเดินให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลยค่ะ เป็นโซนที่ปิดท้ายด้วยความประทับใจจริงๆ อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะคะ