ร้านหม่อนไหม ร้านที่หมึกแดงแนะนำให้มาชิม
ร้านหม่อนไหมเป็นชื่อร้่านอาหารที่อยู่ในอ.หัวหิน ไม่ใช่ร้านขายผ้าไหม ถึงแม้ว่าชื่อจะฟังดูคล้ายก็ตามที ร้านนี้อยู่ทางถนนบายพาส หากขับมาจากทางบายพาสก่อนจะถึงตัวเมืองหัวหิน จะมองเห็นป้ายอยู่ทางซ้ายมือ มองเห็นได้ชัด แต่ต้องขับเข้าซอยตามป้ายที่บอกอีกประมาณ 50 เมตรเห็นจะได้ ตัวร้านจะอยู่ทางฝั่งขวามือ หน้าร้านก็จะมีป้ายชื่อร้าน พร้อมกับป้ายหมึกแดงไกด์ติดไว้คู่กัน ให้เห็นเด่นชัด
เมื่อไปถึงก็ไม่รอช้า รีบสั่งอาหารแนะนำมาลิ้มลองกันในทันที นั่นคือ ขาหมูต้มโค้ก (100 บ.) และไข่เจียวกรอบ (ุ60 บ.) ระหว่างนั่งรออาหารก็เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ ก็คิดในใจว่า ทำไมร้านดูธรรมด๊า ธรรมดา ไม่น่าเป็นร้านดังที่ลุงหมึกแดงแนะนำเลย คิดในใจได้ไม่นาน อาหารที่สั่งก็ยกมาเสิร์ฟ รวดเร็วมากๆ คราวนี้จึงหยุดคิดในใจ ขอหม่ำเติมพลังสมองก่อนดีกว่า
หลังจากกินจนเกลี้ยงไม่มีเหลือ จึงสรุปได้ว่า อย่ามองร้านอาหารจากภายนอก ต้องลองชิมดูจึงจะรู้ว่าอร่อยรึเปล่า สำหรับร้านนี้ก็อร่อยสมคำร่ำลือ โดยเฉพาะขาหมูต้มโค้กที่ขอบอกว่าถูกใจสาวก ข้าวขาหมูอย่างเรามากกกกกกกกก เพราะทั้งนุ่ม เหนียวกำลังดี ไม่ค่อยมีหนังด้วยนะ มีแต่เนื้อกับเอ็น แล้วน้ำจิ้มก็อร่อยด้วยตัดเลี่ยนได้อย่างดีเลย สำหรับไข่เจียวกรอบก็กรอบสมชื่อจริงๆ ไม่อมน้ำมันด้วย อร่อยได้ใจทั้งคู่ ไว้ไปหัวหินครั้งหน้าคงต้องแวะไปชิมอย่างอื่นอีก เพราะไม่แค่อาหารอร่อย ที่จอดรถก็สะดวกสะบายแถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย นะ
สวัสดีค่ะทุกๆคน
ฉันชื่อปริญญา ตั้งแต่เด็กๆ ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อปริญญาเลยซักคน ในทางกลับกันฉันมักมีเพื่อนผู้ชายชื่อปริญญา เยอะแยะ ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เอ..แม่ฉันอยากให้ฉันเกิดเป็นผู้ชายรึเปล่า จึงตั้งชื่อฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็ชอบชื่อนี้นะ เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีความห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกทีเดียวเชียว
วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ปั่นจักรยานเที่ยว โครงการชั่งหัวมัน
โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ
โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพลิกฟื้นผืนดินอันแห้งแล้งให้กลายเป็น พื้นดินอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งรวมเอาพืชเศรษกิจของจังหวัดเพชรบุรีมารวมกันเอาไว้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หน่อไม้ฝรั่ง มะนาว ชมพู่ กล้วย มะพร้าว ฯลฯ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ และประชาชน ในการสร้างและพัฒนาโครงการนี้ขึ้นมา
โครงการจะอยู่ในการดูแลของทหาร ก่อนเข้าจะต้องแลกบัตร แต่ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมนะคะ แถมมีจักรยานให้ปั่นได้ฟรี พร้อมบริการร่มกันแดด อีกด้วย เพียงแต่พี่ทหารบอกว่าจะช่วยบริจาคเพื่อบำรุงพื้นที่ก็ได้ตามกำลังศรัทธานะจ๊ะ เมื่อไปถึงเราก็ต้องลงชื่อในสมุดบันทึกบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกกันก่อน เมื่อเรียบร้อยแล้วก็พร้อมลุย โดยเลือกจักรยานคู่ใจหนึ่งคันแล้วก็เริ่มปั่นกันได้เลย
รอบๆโครงการก็จะมีดอกไม้ และแปลงผักสาธิตต่างๆ มีสวนมะนาว แล้วก็มีกังหันลมเพื่อกำเนิดไฟฟ้าขนาดยักษ์ ซึ่งกังหันลมนี้สามารถปั่นไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในโครงการได้อย่างเพียงพอ เนื่องจากในโครงการมีลมพัดตลอดเวลา ในวันที่ไปกังหันลมไม่หยุดหมุนเลย จึงทำให้อากาศค่อนข้างดี และไม่ร้อน หลังจากเที่ยวชมจนรอบแล้วก็รู้สึกทึ่ง ในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ที่พระองค์สามารถพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้งให้มีความอุุุดมสมบูรณ์เช่นนี้ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปีเท่านั้นเอง
หลังจากชมโครงการชั่งหัวมันจนเต็มอิ่มเราก็ไปแวะกันต่อที่ ศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตรเขากระปุก ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯกันต่อ ที่นั่นก็เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี แถมมีผักปลอดสารพิษจำหน่ายในราคาถูกแสนถูกอีกด้วย ลุงๆป้าๆที่เป็นชาวบ้านซึ่งเข้าไปทำงานในศูนย์ก็ใจดีน่ารักสุดๆ บอกว่าอยากได้ผักอะไรก็ไปเด็ดสดๆจากต้นเลยก็ได้ วันนั้นเราเลยอุดหนุน คะน้าและถั่วฝักยาวมาอย่างละ 1 กิโล ผักกาดขาว 2 หัวใหญ่ กับแตงโมอ่อนอีก 1 ถุง รวมราคาผักกองโต แค่ 60 บาทเท่านั้น
ตอนจ่ายเงินเรายังตกใจ ถามป้าว่าทำไมถูกจัง ป้าเลยตอบว่า สมเด็จพระเทพฯท่านให้ขายราคาส่ง เพราะอยากให้ประชาชนได้กินของถูกๆที่มีคุณภาพ เล่นเอาปลื้มสุดๆ ดีใจจริงๆที่ได้เกิดเป็นพสกนิกรของท่าน วันนั้นเลยทั้งอิ่มใจและอิ่มท้องไปกับผักหวานกรอบแสนอร่อย ใครมีโอกาสอย่าลืมแวะเข้าไปอุดหนุนกันนะคะ
โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพลิกฟื้นผืนดินอันแห้งแล้งให้กลายเป็น พื้นดินอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งรวมเอาพืชเศรษกิจของจังหวัดเพชรบุรีมารวมกันเอาไว้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หน่อไม้ฝรั่ง มะนาว ชมพู่ กล้วย มะพร้าว ฯลฯ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ และประชาชน ในการสร้างและพัฒนาโครงการนี้ขึ้นมา
โครงการจะอยู่ในการดูแลของทหาร ก่อนเข้าจะต้องแลกบัตร แต่ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมนะคะ แถมมีจักรยานให้ปั่นได้ฟรี พร้อมบริการร่มกันแดด อีกด้วย เพียงแต่พี่ทหารบอกว่าจะช่วยบริจาคเพื่อบำรุงพื้นที่ก็ได้ตามกำลังศรัทธานะจ๊ะ เมื่อไปถึงเราก็ต้องลงชื่อในสมุดบันทึกบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกกันก่อน เมื่อเรียบร้อยแล้วก็พร้อมลุย โดยเลือกจักรยานคู่ใจหนึ่งคันแล้วก็เริ่มปั่นกันได้เลย
รอบๆโครงการก็จะมีดอกไม้ และแปลงผักสาธิตต่างๆ มีสวนมะนาว แล้วก็มีกังหันลมเพื่อกำเนิดไฟฟ้าขนาดยักษ์ ซึ่งกังหันลมนี้สามารถปั่นไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในโครงการได้อย่างเพียงพอ เนื่องจากในโครงการมีลมพัดตลอดเวลา ในวันที่ไปกังหันลมไม่หยุดหมุนเลย จึงทำให้อากาศค่อนข้างดี และไม่ร้อน หลังจากเที่ยวชมจนรอบแล้วก็รู้สึกทึ่ง ในพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ที่พระองค์สามารถพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้งให้มีความอุุุดมสมบูรณ์เช่นนี้ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปีเท่านั้นเอง
หลังจากชมโครงการชั่งหัวมันจนเต็มอิ่มเราก็ไปแวะกันต่อที่ ศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตรเขากระปุก ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯกันต่อ ที่นั่นก็เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี แถมมีผักปลอดสารพิษจำหน่ายในราคาถูกแสนถูกอีกด้วย ลุงๆป้าๆที่เป็นชาวบ้านซึ่งเข้าไปทำงานในศูนย์ก็ใจดีน่ารักสุดๆ บอกว่าอยากได้ผักอะไรก็ไปเด็ดสดๆจากต้นเลยก็ได้ วันนั้นเราเลยอุดหนุน คะน้าและถั่วฝักยาวมาอย่างละ 1 กิโล ผักกาดขาว 2 หัวใหญ่ กับแตงโมอ่อนอีก 1 ถุง รวมราคาผักกองโต แค่ 60 บาทเท่านั้น
ตอนจ่ายเงินเรายังตกใจ ถามป้าว่าทำไมถูกจัง ป้าเลยตอบว่า สมเด็จพระเทพฯท่านให้ขายราคาส่ง เพราะอยากให้ประชาชนได้กินของถูกๆที่มีคุณภาพ เล่นเอาปลื้มสุดๆ ดีใจจริงๆที่ได้เกิดเป็นพสกนิกรของท่าน วันนั้นเลยทั้งอิ่มใจและอิ่มท้องไปกับผักหวานกรอบแสนอร่อย ใครมีโอกาสอย่าลืมแวะเข้าไปอุดหนุนกันนะคะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)