งาน Little Candle ณ บ้านหอมเทียน
ก็จบลงไปแล้วกับเทศกาลเทียนประจำปีของอำเภอสวนผึ้ง ซึ่งในปีที่เพิ่งผ่านมานี้ได้ย้ายสถานที่จัดจาก The scenery resort มาจัดที่บ้านหอมเทียน โดยจัดในคืนวันเสาร์ทุกสัปดาห์ ของเดือนธันวาคม จนมาจบวันสุดท้ายของเทศกาลไปเมื่อ 1 มกราคม 2554 นี้เอง
เราได้มีโอกาสแวะไปเมื่อคืนวันคริสมาสต์ 25 ธ.ค. คนเยอะมากๆ ที่นั่งเต็ม แถมไม่พออีกด้วย ทั้งๆที่ตอนจองบัตรเค้าบอกว่ามีการจำกัดจำนวนคนเข้างานด้วย แต่พอเอาเข้าจริงเหมือนไม่มีการจำกัดเลย พอคนที่มาหลังๆไม่มีที่นั่งก็มีการโวยวายกับผู้จัดงานด้วย สถานที่จัดงานก็ไม่ค่อยกว้างนัก พอคนเยอะเกินเลยทำให้บรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากปีหน้าจัดอีกก็น่าจะจำกัดจำนวนคนจริงอย่างที่บอกไว้จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเสียชื่อเสียงไม่ค่อยคุ้มนะคะ
บรรยากาศโดยรวมถือว่าจัดได้ค่อนข้างดี (ถ้าไม่คิดถึงจำนวนคนที่ล้นหลาม) ดีกว่าที่เคยจัดที่ The scenery resort มีซุ้มอาหารให้เลือกหลากหลาย อร่อยและราคาไม่แพงมาก วงดนตรีก็เล่นดีค่ะ แต่วันนั้นเราโชคไม่ค่อยดีเลย ตั้งแต่ดันไปเลือกที่นั่งใต้ต้นไม้ แล้วก็มีแมลงอะไรก็ไม่รู้จากต้นไม้หล่นลงมาใส่หัวและหน้าตลอดเวลา คันมากๆ จนสุดท้ายทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนที่ แต่ก็ไม่มีโต๊ะเหลือแล้ว เลยเดินออกมาหาพื้นที่ว่างๆสำหรับนั่งฟังเพลง แต่อยู่ดีๆฝนดันตกลงมาอย่างหนัก และบริเวณงานก็ดันไม่มีที่หลบฝนเลย ก็เลยต้องกลับ เสียดายมากๆ เพราะเพิ่งจะฟังเพลงไปได้ไม่ถึง 10 เพลง บางคนไปโวยวายขอเงินคืนก็มี ก็บัตรตั้ง 400 บาท บางคนเพิ่งมาถึง ไม่มีที่นั่งแล้ว แถมฝนตกอีก แต่จะโทษคนจัดงานก็ไม่ได้ เพราะงานเค้าเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็น แต่เล่นมาถึง เกือบสามทุ่ม ผู้จัดเค้าก็คงไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าจะมีฝนตกนอกฤดูแบบนี้
ยังไงก็ยังเอาใจช่วยผู้จัดงานนะคะ อยากให้จัดงานนี้ต่อไปทุกปี จะได้เป็นเทศกาลประจำปีของสวนผึ้ง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง แต่ยังไงก็ช่วยจำกัดจำนวนผู้เข้างานหน่อยเถอะค่ะ เพื่อคุณภาพของงานจะได้เป็นที่ประทับใจของผู้ที่อุตส่าห์มาร่วมงานนะคะ
สวัสดีค่ะทุกๆคน
ฉันชื่อปริญญา ตั้งแต่เด็กๆ ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อปริญญาเลยซักคน ในทางกลับกันฉันมักมีเพื่อนผู้ชายชื่อปริญญา เยอะแยะ ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เอ..แม่ฉันอยากให้ฉันเกิดเป็นผู้ชายรึเปล่า จึงตั้งชื่อฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็ชอบชื่อนี้นะ เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีความห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกทีเดียวเชียว
วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554
Royal Good View Resort & Farm กับน้องแกะฝูงใหม่
Royal Good View Resort & Farm ฟาร์มแกะทางเลือกใหม่ สำหรับผู้นิยมเลี้ยงแกะ
Royal Good View Resort & Farm เป็นรีสอร์ทหรู ตั้งบนเส้นทางเดียวกับสวนผึ้งออร์คิด แต่อยู่ลึกเข้าไปจากปากทาง บริเวณทางแยกที่มีป้อมตำรวจ ประมาณ 14 km. ภายในมีบริการห้องพัก และฟาร์มแกะ พร้อมกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ ยิงธนู และขับรถATV รวมถึงร้านอาหารให้บริการด้วย
เนื่องจากรีสอร์ทอยู่ค่อนข้างลึก ทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวจอแจมากนัก บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสันโดษ หลังจากได้เข้าไปครั้งแรกก็รู้สึกชอบบรรยากาศมาก อยากเข้าไปพักสักคืน แต่เนื่องจากราคารีสอร์ทค่อนข้างแพงจึงขอเก็บไว้คิดก่อน อิอิ สำหรับน้องแกะที่นี่ เราว่าน่ารักมากกว่ารีสอร์ทชื่อดังที่มีแกะ อีกที่หนึ่งซะอีก เพราะเรียบร้อย มีมารยาท ไม่ป่าเถื่อน แถมดูแล้วขนก็สะอาดกว่าด้วย ค่าเข้าไปชมแกะก็ไม่คิดอีกต่างหาก เพียงแต่ถ้าอยากเลี้ยงแกะต้องซื้อหญ้า กำละ 40 บาท ใครซื้อ 3 กำ คิด 100 บาท เราพ่อแม่ลูก ซื้อหญ้ากำเดียว ก็เข้าไปเล่นกับน้องแกะได้สามคนเลย นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมยิงธนู ราคาก็ 120/ครึ่งชั่วโมง จะเปลี่ยนยิงกี่คนก็ได้ ไม่ว่ากัน เราก็เลยเข้าไปลองยิงกับเค้าบ้าง ก็สนุกดี ไว้คราวหน้าจะไปลองขับ ATV ขึ้นเขาดู ถ้าจำไม่ผิดเค้าคิดรอบละ 100 ดูเส้นทางน่าจะมันส์ดีเพราะเป็นทางขึ้นลงเขา ไว้คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน
หลังจากยิงธนู จนหมดแรง เราก็เลยแวะกินข้าวที่ร้านอาหารในรีสอร์ทเลย บรรยากาศก็ดี ลมพัดเย็นสบายสุดๆ ราคาอาหารก็จัดว่าปานกลาง ไม่ถูก ไม่แพง รสชาติก็พอใช้ได้ แต่เนื่องจากบรรยากาศดีสุดยอดเลยทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นเยอะเลยล่ะ
เราสั่งสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาปลาหมึกไป ก็อร่อยนะ ปลาหมึกสดดี ของลูกชายสั่งสปาเก็ตตี้กุ้งผัดซอสมะเขือเทศ ก็โอเค เพราะกุ้งตัวใหญ่มาก และสดดี แต่ผัดหวานไปหน่อย
Royal Good View Resort & Farm เป็นรีสอร์ทหรู ตั้งบนเส้นทางเดียวกับสวนผึ้งออร์คิด แต่อยู่ลึกเข้าไปจากปากทาง บริเวณทางแยกที่มีป้อมตำรวจ ประมาณ 14 km. ภายในมีบริการห้องพัก และฟาร์มแกะ พร้อมกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ ยิงธนู และขับรถATV รวมถึงร้านอาหารให้บริการด้วย
เนื่องจากรีสอร์ทอยู่ค่อนข้างลึก ทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวจอแจมากนัก บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสันโดษ หลังจากได้เข้าไปครั้งแรกก็รู้สึกชอบบรรยากาศมาก อยากเข้าไปพักสักคืน แต่เนื่องจากราคารีสอร์ทค่อนข้างแพงจึงขอเก็บไว้คิดก่อน อิอิ สำหรับน้องแกะที่นี่ เราว่าน่ารักมากกว่ารีสอร์ทชื่อดังที่มีแกะ อีกที่หนึ่งซะอีก เพราะเรียบร้อย มีมารยาท ไม่ป่าเถื่อน แถมดูแล้วขนก็สะอาดกว่าด้วย ค่าเข้าไปชมแกะก็ไม่คิดอีกต่างหาก เพียงแต่ถ้าอยากเลี้ยงแกะต้องซื้อหญ้า กำละ 40 บาท ใครซื้อ 3 กำ คิด 100 บาท เราพ่อแม่ลูก ซื้อหญ้ากำเดียว ก็เข้าไปเล่นกับน้องแกะได้สามคนเลย นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมยิงธนู ราคาก็ 120/ครึ่งชั่วโมง จะเปลี่ยนยิงกี่คนก็ได้ ไม่ว่ากัน เราก็เลยเข้าไปลองยิงกับเค้าบ้าง ก็สนุกดี ไว้คราวหน้าจะไปลองขับ ATV ขึ้นเขาดู ถ้าจำไม่ผิดเค้าคิดรอบละ 100 ดูเส้นทางน่าจะมันส์ดีเพราะเป็นทางขึ้นลงเขา ไว้คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน
หลังจากยิงธนู จนหมดแรง เราก็เลยแวะกินข้าวที่ร้านอาหารในรีสอร์ทเลย บรรยากาศก็ดี ลมพัดเย็นสบายสุดๆ ราคาอาหารก็จัดว่าปานกลาง ไม่ถูก ไม่แพง รสชาติก็พอใช้ได้ แต่เนื่องจากบรรยากาศดีสุดยอดเลยทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นเยอะเลยล่ะ
เราสั่งสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาปลาหมึกไป ก็อร่อยนะ ปลาหมึกสดดี ของลูกชายสั่งสปาเก็ตตี้กุ้งผัดซอสมะเขือเทศ ก็โอเค เพราะกุ้งตัวใหญ่มาก และสดดี แต่ผัดหวานไปหน่อย
วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554
ร้านยำ อาหารรสเด็ด ราคาย่อมเยาว์
ร้านยำ อร่อยและสบายกระเป๋า
ร้านยำ ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฎ หมู่บ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เยื้องกับตลาดสด และสถานีตำรวจเล็กน้อย จริงๆแล้วรู้สึกจะชื่อเต็มว่าร้านอาหาร และยำรสเด็ด แต่ใครๆก็พากันเรียกว่าร้านยำทั้งนั้นเพราะว่ามันสั้น จำง่ายกว่า เวลาเปิดตั้งแต่กี่โมงก็จำไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะไปกินตอนเย็น แต่ที่แน่ๆ หยุดทุกวันอาทิตย์ค่ะ
ร้านเป็นร้านอยู่ในตึกแถวเล็กๆ ประมาณ 1 คูหา และภายในเป็นห้องปรับอากาศ มีที่นั่งอยู่ประมาณ 6 โต๊ะเท่านั้น
ไม่มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่ เรียกได้ว่าเป็นร้านขายอาหารจริงๆค่ะ โดยส่วนตัวชอบร้านนี้มากเพราะนอกจากอาหารอร่อย ราคาถูก (ทุกจานราคา 30 บาท) แล้ว ห้องยังติดแอร์ทำให้ไม่ร้อนและค่อยมียุง และนอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่อีกด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และไม่ชอบควันบุหรี่
ร้านยำ ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฎ หมู่บ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เยื้องกับตลาดสด และสถานีตำรวจเล็กน้อย จริงๆแล้วรู้สึกจะชื่อเต็มว่าร้านอาหาร และยำรสเด็ด แต่ใครๆก็พากันเรียกว่าร้านยำทั้งนั้นเพราะว่ามันสั้น จำง่ายกว่า เวลาเปิดตั้งแต่กี่โมงก็จำไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะไปกินตอนเย็น แต่ที่แน่ๆ หยุดทุกวันอาทิตย์ค่ะ
ร้านเป็นร้านอยู่ในตึกแถวเล็กๆ ประมาณ 1 คูหา และภายในเป็นห้องปรับอากาศ มีที่นั่งอยู่ประมาณ 6 โต๊ะเท่านั้น
ไม่มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่ เรียกได้ว่าเป็นร้านขายอาหารจริงๆค่ะ โดยส่วนตัวชอบร้านนี้มากเพราะนอกจากอาหารอร่อย ราคาถูก (ทุกจานราคา 30 บาท) แล้ว ห้องยังติดแอร์ทำให้ไม่ร้อนและค่อยมียุง และนอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่อีกด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และไม่ชอบควันบุหรี่
อาหารโปรดที่เรามักสั่งประจำคือ กุ้ง/ปูผัดผงกระหรี่ และ กุ้งชุบแป้งทอด ค่ะ ส่วนยำ ก็มีให้เลือกหลายชนิด อร่อยทุกอย่าง แต่ที่ชั้นชอบที่สุด คือ ยำไข่เจียว ค่ะ เพราะว่าเค้าจะทอดไข่ให้กรอบนิดๆก่อน แล้วค่อยนำมาราดน้ำยำ อร่อยดีค่ะ เนื่องจากราคาถูกและอาหารจานไม่ใหญ่มาก ทำให้เราสามารถสั่งอาหารได้หลายจาน หากไปแค่ 1-2 คนถ้าไปร้านอื่นอาจจะสั่งได้แค่ 1-2 อย่าง เนื่องจากอาหารจานใหญ่ สั่งเยอะก็จะกินไม่หมดได้ แต่ที่ร้านนี้ มา 2 คน สั่ง 4 อย่างได้สบายเลยค่ะ สั่งไปเยอะๆได้เปรียบ เพราะเค้าจะทำอาหารให้เสร็จเป็นโต๊ะๆไป ถ้าเราจะสั่งอาหารเพิ่มทีหลังต้องไปต่อคิวสุดท้ายเลยค่ะ ดังนั้นจะกินอะไรสั่งไปให้หมด ไม่ต้องลังเล อิอิ
วันนั้นไปกินกันสามคนพ่อ แม่ ลูก สั่งอาหารมา 4 อย่าง รวมราคาแค่ 150 กว่าบาท ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่ได้ราคานี้แน่ๆ แถมอาจไม่อร่อยเท่านี้อีกด้วย
ใครที่จะผ่านจากสวนผึ้งกลับไปกทม.ลองแวะไปชิมกันได้นะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
วันนั้นไปกินกันสามคนพ่อ แม่ ลูก สั่งอาหารมา 4 อย่าง รวมราคาแค่ 150 กว่าบาท ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่ได้ราคานี้แน่ๆ แถมอาจไม่อร่อยเท่านี้อีกด้วย
ไส้กรอกเยอรมัน ณ สวนผึ้ง
ไส้กรอกเยอรมัน ร้านอาหารสำหรับคนที่มีความพยายาม
ร้านไส้กรอกเยอรมัน ตั้งอยู่เลยขึ้นไปทางโรงเรียนสินแร่สยาม เมื่อตรงขึ้นไปจะพบทางแยกซ้ายมือเพื่อขึ้นเขากระโจม แต่เราไม่ต้องเลี้ยวซ้ายให้ขับตรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจะพบป้ายขนาดไม่ใหญ่นักเขียนว่า จุดชมวิวไส้กรอกเยอรมัน (ฮ่าๆ งงอะดิ ว่าตกลงมันจุดชมวิวหรือร้านอาหารกันแน่ เอ่อ..แบบว่าจริงๆแล้วเป็นทั้งสองอย่างแหละค่ะ) อยู่ทางซ้ายมือ ก็ให้ตรงเข้าไปที่ลานจอดรถได้เลยค่ะ
ร้านนี้เปิดเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้นนะคะ ถ้ามาวันอื่นอดค่ะ เพราะเจ้าของร้านเค้ามาจาก กทม. พอจอดรถแล้ว เราจะพบกับบันไดขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ค่อนข้างสูงชัน ด้านข้างปลูกสับปะรดเป็นแนวยาวไปตามขั้นบันได บางคนเห็นแค่บันไดก็ถอดใจกันแล้วค่ะ เพราะดูแล้วทรมานข้อเข่าจริงๆ แต่อุตส่าห์มาถึงแล้วก็ต้องพยายามกันนิดนึงเนอะ ว่าแล้วก็ค่อยๆไต่ขึ้นไปจนในที่สุดก็ถึงจนได้ เมื่อไปถึงคำถามแรกที่ถามเจ้าของร้านคือ ทำไมต้องมาทำร้านอยู่สูงขนาดนี้ด้วย ซึ่งเจ้าของร้านก็ตอบอย่างท้าทายว่า ให้ลองเดินไปด้านนู่นแล้วจะรู้เอง เราก็จำต้องเดินลากขาที่ยังไม่หายสั่นไปดูสักหน่อย จึงพบว่า ร้านอยู่บนเนินสูงมาก จากที่นั่งกินอาหารสามารถมองเห็นเทือกเขา และทัศนียภาพ รอบๆแบบไม่มีอะไรขวางกั้นเลยค่ะ สวยจริงๆแถมบรรยากาศก็เงียบสงบ เรียกได้ว่า โคตรโรแมนติกเลยทีเดียว พี่เค้าบอกว่า ถ้ามาถึงง่าย มาๆแล้วก็ผ่านไปมันก็ไม่มีความหมาย เราก็ว่าจริง เพราะร้านนี้เข้าถึงยาก จึงทำให้มีบรรยากาศดี และสงบได้ขนาดนี้ นับถือพี่เค้าจริงๆที่คิดแบบนี้ได้ ไม่ได้คำนึงถึงแต่จะเอากำไรมากๆอย่างเดียวเท่านั้น
หลังจากหายเหนื่อยก็ถามว่า พี่คะหนูขอซื้อไส้กรอกกลับบ้านได้มั้ยคะ เนื่องจากเพิ่งกินข้าวกลางวันมา เลยยังไม่หิวค่ะ อยากซื้อกลับไปทานบนรถ แต่พี่เค้าบอกว่า ไม่ขายแบบกลับบ้านค่ะเดี๋ยวไม่อร่อย แป่ว!! เราเลยอดกินไป ที่นี่เค้ามีขายทั้งไส้กรอก และขาหมูเยอรมันด้วย นอกจากนี้ยังมีเบียร์เยอรมัน สำหรับคอเบียร์อีกด้วย แต่ถึงแม้จะไม่ได้กินก็ไม่เสียใจที่อุตส่าห์ปีนขึ้นมา เพราะแค่ได้มาสัมผัสบรรยากาศก็คุ้มสุดๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้สั่งอาหารสักอย่าง พี่เค้าก็ยังต้อนรับพูดคุยอย่างเป็นกันเอง แถมยังแนะนำให้ขึ้นไปดูวิวบนบ้านไม้ ที่สูงๆคล้ายกับหอคอยส่องสัตว์เพื่อให้เห็นวิวที่สวยขึ้นอีกด้วย น่ารักจริงๆ ก่อนกลับก็เลยบอกขอบคุณและล่ำลาพี่เจ้าของร้าน พร้อมตั้งปณิธานว่า ครั้งหน้าต้องมากินให้ได้ทีเดียว
ร้านไส้กรอกเยอรมัน ตั้งอยู่เลยขึ้นไปทางโรงเรียนสินแร่สยาม เมื่อตรงขึ้นไปจะพบทางแยกซ้ายมือเพื่อขึ้นเขากระโจม แต่เราไม่ต้องเลี้ยวซ้ายให้ขับตรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจะพบป้ายขนาดไม่ใหญ่นักเขียนว่า จุดชมวิวไส้กรอกเยอรมัน (ฮ่าๆ งงอะดิ ว่าตกลงมันจุดชมวิวหรือร้านอาหารกันแน่ เอ่อ..แบบว่าจริงๆแล้วเป็นทั้งสองอย่างแหละค่ะ) อยู่ทางซ้ายมือ ก็ให้ตรงเข้าไปที่ลานจอดรถได้เลยค่ะ
ร้านนี้เปิดเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้นนะคะ ถ้ามาวันอื่นอดค่ะ เพราะเจ้าของร้านเค้ามาจาก กทม. พอจอดรถแล้ว เราจะพบกับบันไดขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ค่อนข้างสูงชัน ด้านข้างปลูกสับปะรดเป็นแนวยาวไปตามขั้นบันได บางคนเห็นแค่บันไดก็ถอดใจกันแล้วค่ะ เพราะดูแล้วทรมานข้อเข่าจริงๆ แต่อุตส่าห์มาถึงแล้วก็ต้องพยายามกันนิดนึงเนอะ ว่าแล้วก็ค่อยๆไต่ขึ้นไปจนในที่สุดก็ถึงจนได้ เมื่อไปถึงคำถามแรกที่ถามเจ้าของร้านคือ ทำไมต้องมาทำร้านอยู่สูงขนาดนี้ด้วย ซึ่งเจ้าของร้านก็ตอบอย่างท้าทายว่า ให้ลองเดินไปด้านนู่นแล้วจะรู้เอง เราก็จำต้องเดินลากขาที่ยังไม่หายสั่นไปดูสักหน่อย จึงพบว่า ร้านอยู่บนเนินสูงมาก จากที่นั่งกินอาหารสามารถมองเห็นเทือกเขา และทัศนียภาพ รอบๆแบบไม่มีอะไรขวางกั้นเลยค่ะ สวยจริงๆแถมบรรยากาศก็เงียบสงบ เรียกได้ว่า โคตรโรแมนติกเลยทีเดียว พี่เค้าบอกว่า ถ้ามาถึงง่าย มาๆแล้วก็ผ่านไปมันก็ไม่มีความหมาย เราก็ว่าจริง เพราะร้านนี้เข้าถึงยาก จึงทำให้มีบรรยากาศดี และสงบได้ขนาดนี้ นับถือพี่เค้าจริงๆที่คิดแบบนี้ได้ ไม่ได้คำนึงถึงแต่จะเอากำไรมากๆอย่างเดียวเท่านั้น
หลังจากหายเหนื่อยก็ถามว่า พี่คะหนูขอซื้อไส้กรอกกลับบ้านได้มั้ยคะ เนื่องจากเพิ่งกินข้าวกลางวันมา เลยยังไม่หิวค่ะ อยากซื้อกลับไปทานบนรถ แต่พี่เค้าบอกว่า ไม่ขายแบบกลับบ้านค่ะเดี๋ยวไม่อร่อย แป่ว!! เราเลยอดกินไป ที่นี่เค้ามีขายทั้งไส้กรอก และขาหมูเยอรมันด้วย นอกจากนี้ยังมีเบียร์เยอรมัน สำหรับคอเบียร์อีกด้วย แต่ถึงแม้จะไม่ได้กินก็ไม่เสียใจที่อุตส่าห์ปีนขึ้นมา เพราะแค่ได้มาสัมผัสบรรยากาศก็คุ้มสุดๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้สั่งอาหารสักอย่าง พี่เค้าก็ยังต้อนรับพูดคุยอย่างเป็นกันเอง แถมยังแนะนำให้ขึ้นไปดูวิวบนบ้านไม้ ที่สูงๆคล้ายกับหอคอยส่องสัตว์เพื่อให้เห็นวิวที่สวยขึ้นอีกด้วย น่ารักจริงๆ ก่อนกลับก็เลยบอกขอบคุณและล่ำลาพี่เจ้าของร้าน พร้อมตั้งปณิธานว่า ครั้งหน้าต้องมากินให้ได้ทีเดียว
Newland แดนแห่งรถไฟ
Newland ดินแดนใหม่ที่อาจกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสวนผึ้งในอนาคต
Newland เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงคริสมาสต์ปี 2010 นี่เอง ซึ่งสภาพยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมและเที่ยวเล่นได้ มีรถไฟเปิดให้บริการแล้ว เปิดทุกวันตั้งแต่ 9 โมง-2 ทุ่ม ส่วนศุกร์ เสาร์ เปิดถึง 3 ทุ่มจ้า
Newland อยู่เลยอำเภอสวนผึ้งเข้าไปไม่มากนัก ตั้งอยู่ตรงข้ามกับรีสอร์ทภูผาผึ้งพอดิบพอดี หาง่ายไม่ต้องกลัวหลงเพราะ มีป้ายใหญ่โตสีสันสดใส เห็นได้ชัดเจนทีเดียว
ตอนนี้ส่วนที่เปิดให้บริการแล้วก็คือรถไฟ สีสันสดใสขบวนเล็กๆ น่ารักที่จะอาสาพาเราเข้าไปเที่ยวชมภายใน ระยะทางก็ประมาณ 1 กม.เห็นจะได้ ค่าตั๋วเด็กคนละ 60 บาท ผู้ใหญ่ คนละ 80 บาทค่ะ แต่เนื่องจากตอนนี้สวนภายในยังไม่เสร็จสมบูรณ์จึงยังไม่มีอะไรให้ชมมากนัก ถ้าสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ คงจะสวยงามน่าเที่ยวมากทีเดียว เพราะขนาดตอนนี้ยังมองเห็นวิว ได้สวยงามพอสมควร ฟังจากที่เค้าเปิดประชาสัมพันธ์ เค้าบอกว่าจะมีสวนสไตล์โรมันด้วย ก็คงต้องอดทนรอกันไปก่อน รวมถึงรีสอร์ทที่กำลังจะสร้างตามมาอีกด้วย
อยากให้สร้างเสร็จเร็วๆจังเลย เพราะคนที่มาสวนผึ้งชอบถามว่าจะไปเที่ยวไหนดี เราก็ตอบไม่ค่อยถูก ถ้าที่นี่สร้างเสร็จ จะได้ตอบเค้าได้สักทีเนอะ ว่านี่เลยค่ะ Newland ดินแดนใหม่สำหรับการท่องเที่ยวสวนผึ้ง อิอิ
Newland เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงคริสมาสต์ปี 2010 นี่เอง ซึ่งสภาพยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมและเที่ยวเล่นได้ มีรถไฟเปิดให้บริการแล้ว เปิดทุกวันตั้งแต่ 9 โมง-2 ทุ่ม ส่วนศุกร์ เสาร์ เปิดถึง 3 ทุ่มจ้า
Newland อยู่เลยอำเภอสวนผึ้งเข้าไปไม่มากนัก ตั้งอยู่ตรงข้ามกับรีสอร์ทภูผาผึ้งพอดิบพอดี หาง่ายไม่ต้องกลัวหลงเพราะ มีป้ายใหญ่โตสีสันสดใส เห็นได้ชัดเจนทีเดียว
ตอนนี้ส่วนที่เปิดให้บริการแล้วก็คือรถไฟ สีสันสดใสขบวนเล็กๆ น่ารักที่จะอาสาพาเราเข้าไปเที่ยวชมภายใน ระยะทางก็ประมาณ 1 กม.เห็นจะได้ ค่าตั๋วเด็กคนละ 60 บาท ผู้ใหญ่ คนละ 80 บาทค่ะ แต่เนื่องจากตอนนี้สวนภายในยังไม่เสร็จสมบูรณ์จึงยังไม่มีอะไรให้ชมมากนัก ถ้าสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ คงจะสวยงามน่าเที่ยวมากทีเดียว เพราะขนาดตอนนี้ยังมองเห็นวิว ได้สวยงามพอสมควร ฟังจากที่เค้าเปิดประชาสัมพันธ์ เค้าบอกว่าจะมีสวนสไตล์โรมันด้วย ก็คงต้องอดทนรอกันไปก่อน รวมถึงรีสอร์ทที่กำลังจะสร้างตามมาอีกด้วย
อยากให้สร้างเสร็จเร็วๆจังเลย เพราะคนที่มาสวนผึ้งชอบถามว่าจะไปเที่ยวไหนดี เราก็ตอบไม่ค่อยถูก ถ้าที่นี่สร้างเสร็จ จะได้ตอบเค้าได้สักทีเนอะ ว่านี่เลยค่ะ Newland ดินแดนใหม่สำหรับการท่องเที่ยวสวนผึ้ง อิอิ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)