สวัสดีค่ะทุกๆคน

ฉันชื่อปริญญา ตั้งแต่เด็กๆ ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อปริญญาเลยซักคน ในทางกลับกันฉันมักมีเพื่อนผู้ชายชื่อปริญญา เยอะแยะ ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เอ..แม่ฉันอยากให้ฉันเกิดเป็นผู้ชายรึเปล่า จึงตั้งชื่อฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็ชอบชื่อนี้นะ เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีความห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกทีเดียวเชียว

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แล่นฉิว แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ ที่กำลังเติบโต

แล่นฉิว คือ แหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ ของอำเภอสวนผึ้ง ที่กำลังก่อร่างสร้างตัวด้วยความตั้งใจของพี่นิตา เจ้าของร้าน อามันเต้ คอฟฟี่ เพื่อจะให้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว อีกแหล่งหนึ่งที่ไม่แพ้บ้านหอมเทียน หรือ The Scenery และเป็นการช่วยกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน

แล่นฉิว เป็นชื่อของรถบัสคันหนึ่ง ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เก๋ไก๋ ภายในเต็มไปด้วย ของที่ระลึกเก๋ๆ ที่จะช่วยเตือนความทรงจำ ของผู้ที่เคยแวะเวียนมาที่สวนผึ้ง ให้จดจำสวนผึ้งเอาไว้ตลอดไป
บริเวณรอบๆ ก็ได้รับการตกแต่งไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวมีมุมสำหรับถ่ายรูป นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมทำโปสการ์ดที่ระลึกเป็นรูปของเราเอง กิจกรรมเพ้นท์เสื้อยืด หากใครมีเวลาว่าง ก็แวะไปช่วยกันให้กำลังใจแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของเรากันหน่อยนะคะ ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ข้างครัวม่อนไข่นั่นเองค่ะ

ครัวม่อนไข่ ร้านอร่อยของสวนผึ้ง


ครัวม่อนไข่ เป็นร้านหนึ่งในดวงใจ ดวงน้อยๆของเราทีเดียว เนื่องจากที่นี่มีเมนูสุดโปรดนั่นก็คือ ยำผักกูด ที่นอกจากจะหากินยาก ที่ร้านนี้ยังทำได้อร่อยโคตรๆ จริงๆนะจะบอกให้ แถมราคาอาหารไม่แพง เรียกว่าของเค้าดี แถมราคาย่อมเยาว์ด้วย

ใครรู้กันบ้างว่าม่อนไข่แปลว่าอะไร ฮั่นแน่!! ไม่รู้อะดิ ม่อนไข่เป็นชื่อของกล้วยไม้ป่าพันธุ์หนึ่ง ใครไม่เคยเห็นดอกไปดูได้ที่ต้นไม้หน้าร้านครัวม่อนไข่นี่ล่ะ แต่มีข้อแม้ว่าต้องไปตอนที่มันออกดอกนะ เพราะตอนนี้ดอกยังไม่ออก ใครอยากเห็นต้องไปหลายๆรอบ อิอิ

ร้านนี้อยู่ลึกเข้าไปทางเดียวกับสวนผึ้งรีสอร์ท และอ้อมกอดขุนเขา ขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านสถานีอนามัยผาปก และสถานีตำรวจไป ตรงขึ้นไปเรื่อยๆไม่ต้องเลี้ยวไปไหนเลย สักพักก็จะถึง ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ตรงข้ามกับร้านอามันเต้ คอฟฟี่ ถ้าไปช่วงเที่ยงคนจะเยอะมากจนเห็นรถจอดเรียงเต็มข้างทางไปหมดเลย

รรยากาศภายในร้านก็ตกแต่งแบบเรียบง่าย ด้วยโทนสีขาว แต่ก่อนร้านจะดูทึมๆ และเล็กกว่านี้ แต่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะขึ้น กิจการดีขึ้น เลยขยายร้านใหญ่โตและสวยขึ้น แต่ก็มีข้อเสียคือ แม่ครัวคงมีเท่าเดิม พอลูกค้าเยอะมากๆเลยทำไม่ทัน ต้องรอคิวนาน แต่ว่ารสชาติอาหารยังคงเยี่ยมเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ก็ถือว่า เอาน่ะ จะกินของอร่อยก็ต้องใจเย็นๆ หรือถ้าไม่อยากรอนานก็ไปช่วงสายๆ สัก 10 โมง หรือเลยบ่ายสามไป คนน่าจะน้อยลงค่ะ ร้านนี้เค้าเปิดถึงสองทุ่มนะจะบอกให้

วันนี้เราแวะไปอุดหนุนช่วงเที่ยงกว่าๆ คนกำลังเยอะทีเดียวทำให้ต้องรออาหารประมาณ 1 ชั่วโมง แต่หลังจากอาหารมาวางบนโต๊ะ ก็ไม่ผิดหวัง อร่อยทุกอย่าง ร้านนี้เค้าจะมีอาหารขึ้นชื่อคือ ยำผักกูด และอาหารที่ทำจากเห็ดโคน ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะผัดน้ำมันหอย หรือใส่ในราดหน้า แกงจืด อร่อยทั้งนั้น แล้วก่อนกลับก็อย่าลืม ซื้อผักกูด หรือเห็ดโคนญี่ปุ่นกลับไปฝากพ่อแม่พี่น้องกันด้วยนะ บางวันที่ร้านเค้ามีเยอะๆเค้าจะแบ่งขายให้ลูกค้าด้วย ราคาก็ไม่แพงนะ เราซื้อประจำเลย
ผักกูดเป็นเฟิร์นชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่ในป่า ตามริมห้วย ถือเป็นผักปลอดสารพิษอีกชนิดหนึ่ง สามารถเอาไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง ทั้งยำ ผัดน้ำมันหอย หรือต้มจิ้มน้ำพริก เป็นผักที่หากินได้ยากนะ เพื่อนๆก็อย่าลืมสั่งมาลองดู แล้วจะติดใจเหมือนเรา
สำหรับใครที่อยากจะขึ้นเขากระโจม ข้างๆครัวม่อนไข่มีรถขับเคลื่อนสี่ล้อให้บริการนะ อิ่มแล้วก็แวะสอบถามหารถไปเที่ยวต่อพรุ่งนี้เช้าได้เลยจ้า

สวนผึ้งรีสอร์ท Season of love song


สวนผึ้งรีสอร์ท จัดเป็นรีสอร์ทน้องใหม่แห่งหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งปีนี้ประเดิมเปิดตัวโดยรับเป็นสถานที่จัด Season of love song คอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ที่จะจัดรับลมหนาวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ของอำเภอสวนผึ้ง
ทางไปก็สุดแสนจะง่ายดาย เพียงแค่ขับตรงขึ้นไปทางอำเภอสวนผึ้งไปเรื่อยๆ ไม่มีแยกไปทางไหนเลย รีสอร์ทจะอยู่ทางขวามือ แต่ระหว่างทางไปทางบางช่วงอาจจะแคบ ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่นิดนึง


วันนี้ได้มีโอกาสขับรถขึ้นไปแถวนั้น เห็นมีการไถที่เพื่อทำที่จอดรถ และพื่นที่สำหรับตั้งร้านค้าต่างๆ ท่าทางวันงานคงคึกคักน่าดู ลานสำหรับกางเต๊นท์ก็ถูกจัดเตรียม ตีเส้นเป็นตารางๆไว้เรียบร้อย แถมบางส่วนยังอยู่ใกล้ริมห้วย บรรยากาศคงดีไม่น้อยทีเดียวมาดูบรรยากาศภายในรีสอร์ทกันบ้าง รีสอร์ทนี้ได้จัดทำห้องพักเป็นห้องภายในตัวการ์ตูน เรื่องมนุษย์หินฟริ้นสโตนขนาดยักษ์ ดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ น่าจะเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ หรือมีเด็กโข่งแบบเรา ภายในมีร้านอาหารสำหรับให้บริการแขกที่มาพักและนักท่องเที่ยวด้วยนะ หากใครมีโอกาศก็แวะไปชิมกันได้ หรือไม่กิน ไม่พัก จะเข้าไปถ่ายรูปเก๋ๆเหมือนกับเราก็ได้ ไม่ผิดกติกา เพราะเค้าเปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมภายในรีสอร์ทได้จ้า

รีสอร์ทดังๆที่อยู่ใกล้เคียงก็มีมากมายให้เลือกสรร เช่น อ้อมกอดขุนเขา ,The Camp ก็เลือกกันตามอัธยาศัยของกระเป๋าแต่ละคนนะคะ

Swiss Valley รีสอร์ทหรู แห่งใหม่


Swiss Valley รีสอร์ทหรูแห่งใหม่ เนื้อที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา อยู่บนเส้นทางเดียวกันกับ The Scenery Resort รีสอร์ทนี้ไม่เคยไปพัก ได้แต่ชะเง้อดูจากข้างนอก (หลายๆคนก็เหมือนเรา อิอิ แอบมาจอดรถถ่ายรูปแล้วก็ไป) แค่นี้ก็ตื่นตาตื่นใจ เพราะด้านหน้าสวยมาก

ตอนนี้ด้านหน้ารีสอร์ทเค้าเปิดเป็นร้านพิซซ่าด้วยนะ ชื่อร้าน Swiss Pizza ร้านเค้าน่ารักมากเลย สีแดงสดใส ถ่ายรูปออกมาสวยมาก พิซซ่าก็น่าจะอร่อยนะ ยังไม่เคยลองเหมือนกัน เพราะคาดว่าน่าจะแพง ไว้เงินเดือนออกแล้วจะแวะไปชิมนะ ช่วงนี้ใกล้สิ้นเดือนเงินน้อย ก็ต้องรัดเข็มขัดนี้ดนึง
ช่วงนี้ใครไปเที่ยวก็อย่าลืมแวะละกันนะ ถ้าได้ไปชิมพิซซ่าก็บอกด้วยละกันว่าอร่อยป่าว ถ้าอร่อยจะได้แวะไปชิมบ้าง (คงแค่ชิมนั่นแหละ ถ้ากินคงหมดตัว อิอิ)

The Scenery Resort & Farm ไปเลี้ยงแกะกัน

The Scenery Resort & Farm รีสอร์ทดังมาก ของอ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ในวินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก และหากใครที่มาราชบุรีแล้วไม่ไป ก็เรียกได้ว่า มายังไม่ถึง จังหวัดราชบุรี (ขนาดนั้นเชียว)
กิจกรรมสุดฮิตภายในรีสอร์ทก็คงหนีไม่พ้น การให้อาหารแกะผู้หิวโหย และถ่ายรูปกับฝูงแกะ และมุมฮิพๆ ที่จัดเอาไว้ภายในคอกแกะ นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมการยิงธนู


ถ้าจะมาเลี้ยงแกะ เค้าเปิด 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น แต่ถ้าจะให้ดี แดดล่มลมตก มากันซักบ่ายสี่โมง จะได้ไม่ร้อนมาก เพราะช่วงกลางวันนี่ร้อนจนยิ้มไม่ออกกันเลยทีเดียว สนนราคาการจะได้เข้าไปเลี้ยงแกะให้รีสอร์ทเค้าก็ ไม่มากมายอะไร ผู้ใหญ่ 40 บาทมีหญ้าพันธุ์เนเปียให้ 4-5 ก้าน เด็ก 20 บาท ไม่มีหญ้าให้ ถ้าอยากซื้อหญ้าเพิ่ม ก็อีก 20 บาท อิอิ แต่ลูกเราไม่ต้องซื้อใช้วิธีเก็บหญ้าตามพื้น ที่แกะมันกินเหลือแล้ว แป่ว!! เมื่อได้หญ้ามาแล้วก็พร้อมลุย ถ้าชอบแบบแอดแวนเจอร์ แนะนำมาวันธรรมดานะคะ เพราะว่าฝูงแกะจะตื่นตัวมาก คุณไม่ต้องเดินเข้าไปหามันเลย เพราะแกะทั้งฝูงจะวิ่งมาหาคุณทันทีที่ก้าวลงบันไดคอก แต่ถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์ มันจะอิ่มไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่ อย่างเจ้าตัวข้างล่างนี้เป็นต้น นอนกินอย่างเดียวเลย
หลังจากเลี้ยงแกะ และถ่ายรูปกับน้องแกะกันจนอิ่มใจแล้ว สามารถแวะรับประทานสเต็กได้นะคะ ที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องสเต็กมาก แต่เดี้ยนไม่เคยได้ลองกับเค้าหรอกนะคะ แค่เลี้ยงแกะก็แทบจะหมดตัวแล้วค่ะ
หลังจากอิ่มทั้งใจ อิ่มทั้งกายกันแล้ว ก็แวะซื้อของฝาก ของที่ระลึกด้านหน้ารีสอร์ทกันได้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อ และตุุ๊กตาน้องแกะ (จริงๆในรีสอร์ทก็มีนะ แต่อยากสนับสนุนรายได้ให้ชาวบ้านเค้าบ้าง) แต่ขอแนะนำร้านขายเสื้อร้านหนึ่ง เป็นเพื่อนที่ทำงานเราเอง แบบว่าเค้าขายถูก แล้วมีเปอร์เซ็นต์ค่าโฆษณาให้เราด้วย (อิอิ ล้อเล่นนะ) ร้านหาไม่ยาก แถมแต่งร้านเก๋ไก๋ ไปถึงก็อย่าลืมไปแวะอุดหนุนกันหน่อยนะคะ