สวัสดีค่ะทุกๆคน

ฉันชื่อปริญญา ตั้งแต่เด็กๆ ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อปริญญาเลยซักคน ในทางกลับกันฉันมักมีเพื่อนผู้ชายชื่อปริญญา เยอะแยะ ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า เอ..แม่ฉันอยากให้ฉันเกิดเป็นผู้ชายรึเปล่า จึงตั้งชื่อฉันอย่างนี้ แต่ฉันก็ชอบชื่อนี้นะ เพราะว่ามันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีความห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกทีเดียวเชียว

วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

แวะชมดอกไม้งามๆ รับวันปีใหม่ ที่บ้านเรา ราชบุรี เมืองคนอาร์ต

                    
           ปีใหม่ปีนี้ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน เพราะไม่มีเงิน  แต่ก็อยากเที่ยวอยู่ดีนะ งั้นก็ขอไปเที่ยวใกล้ๆ ในจังหวัดราชบุรีของเรานี่ละกัน ปีนี้ ราชบุรีได้รับการโปรโมตให้เป็นเเหล่งท่องเที่ยว จาก ททท.เชียวนะ "ราชบุรี เมืองคนอาร์ต" เราจึงไม่พลาด ไปเที่ยวชมดอกไม้ กันดีกว่า
           ที่แรกที่จะพาไปเที่ยวชมกัน คือ The Blooms สวนและฟาร์มกล้วยไม้ ที่สวยงาม และใหญ่มาก มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่  ณ อ.บางแพ จ.ราชบุรี นอกจากนี้ชมสวนกล้วยไม้สวยๆแล้ว ยังมีกิจกรรมการให้อาหารแกะ   ขี่จักรยานชมธรรมชาติ   ชมแปลงนา  แปลงพืชสมุนไพรและผักปลอดสารพิษ อีกด้วย
 ภายในสวนไม่ได้มีแต่กล้วยไม้อย่างเดียวเหมือนฟาร์มกล้วยไม้ทั่วไปที่เคยไปมา แต่มีการตกแต่งเป็นสวนป่า มีต้นไม้ใหญ่ยืนต้น ร่มรื่นมากๆ มีลำธาร น้ำตก สะพาน และมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมายเลยค่ะ

 สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปปั๊บ อัพรูปปุ๊บ ที่นี่เค้าก็มีฟรี wifi ให้ใช้กันด้วยนะคะ ขอรับ password ได้ที่จุดขายบัตรได้เลยค่ะ

ค่าเข้าชมสวนกล้วยไม้ 80 บาทเท่านั้น ส่วนท่านใดจะเข้าไปเลี้ยงแกะ หรือชมแปลงพืชสมุนไพร ต้องจ่ายเพิ่ม เท่าไหร่ไม่รู้ เพราะไม่ได้เข้าค่ะ แหะๆ ไว้มีโอกาสไปคราวหน้า จะเข้าแล้วมาเล่าให้ฟังนะคะ
               ที่ที่สองที่ได้ไปมาคือ  ทุ่งทานตะวัน ที่โครงการพระราชดำริเขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ค่ะ ปกติโครงการพระราชดำริ เขาชะงุ้ม จะเปิดให้ผู้สนใจ เข้าชมโครงการได้ตลอดปี แต่ในช่วงปีใหม่ของทุกปี จะมีทุ่งดอกทานตะวันบานให้เราได้ไปเที่ยวชมได้ฟรีค่ะ



ก่อนกลับแวะซื้อ ผักปลอดสารพิษ และผลิตภัณฑ์ต่างๆจากชาวบ้านที่นำมาขายในบริเวณด้านหน้าทุ่งทานตะวันนั้นได้ค่ะ ราคาไม่แพง สด และอร่อยมากๆ  อิอิ

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

P2N Pizza and Bekery

P2N เป็นร้านพิซซ่าและขายอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน รวมถึงอาหารไทยและเบเกอรี่ ร้านตั้งอยู่ซ้ายมือ ริมถ.เพชรเกษม ก่อนจะถึงอ.ทับสะแก ป้ายร้านขนาดใหญ่มองเห็นชัดมากรับรองหาเจอแน่นอนค่ะ


บรรยากาศด้านนอกร้าน แต่งสวนได้อย่างสวยงาม ร่มรื่น และน่านั่งมากๆ ลูกค้าสามารถเลือกนั่งด้านในร้านที่เป็นห้องแอร์หรือจะนั่งด้านนอก ใกล้กับสวนสวยๆก็ได้ แล้วแต่ความชอบ ห้องน้ำสะอาดสุดๆ แถมมีห้องน้ำสำหรับเด็กอีกด้วยน่ารักจริงๆ และที่ขาดไม่ได้คือรสชาติอาหาร ที่อร่อยแถมราคาไม่แพงอีกด้วยล่ะ

สปาเก็ตตี้ปลาเค็ม อร่อยค่ะ โดนลูกชายแย่งกินเกือบหมดจาน

ขนมปังกระเทียม หอมและกรอบอร่อยมากกกก


ยำตะไคร้กุ้งสด รสชาติจัดจ้านกำลังดี ตะไคร้ก็อ่อนเคี้ยวไม่มีเหนียว แถมให้เม็ดมะม่วงเยอะแบบไม่หวงเลย


เค้กน่ากินหลากหลายชนิดที่โชว์ตัวอยู่ในตู้ ช่างน่ากินมากมาย จนต้องสั่งมาคนละชิ้น


วันที่ไปสั่งอาหาร 5 อย่าง พายกรอบ 1 กล่องและเค้ก อีก 3 ชิ้น รวมราคาแค่ 500 กว่าบาทเท่านั้นเอง ขากลับอยากจะแวะกลับไปทานอีก แต่ว่ามาถึงร้านเร็วไป ยังอิ่มจากอาหารเช้าอยู่ เลยจำใจต้องผ่านร้านไปด้วยใจระเหี่ย ตั้งปณิธานไว้ว่า ถ้ามาประจวบฯคราวหน้าจะต้องแวะมาชิมพิซซ่าร้านนี้ให้ได้


เยี่ยม!! ไปเลยครับแม่



พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ Waghor Aquarium

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ตั้งอยู่ที่ ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดแสดงสัตว์น้ำหลากหลายชนิดทั้งน้ำจืด และน้ำเค็ม


การเดินทางเข้าสู่อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ทำได้โดยขับถไปตามถนนเพชรเกษม จากสี่แยกประจวบฯ ลงไปทางใต้ อีกประมาณ 16 กิโลเมตร จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 335 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านหว้าโทน ขับตามทางเข้ามาอีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร และข้ามทางรถไฟเข้าสู่อุทยานฯ หรือ จากสี่แยกประจวบฯ หลักกิโลเมตรที่ 323 เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองประจวบฯ ขับรถตามถนนสละชีพ ผ่านกองบิน 5 (อ่าวมะนาว) จนถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ (แยกไฟแดงคลองวาฬ) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่หมู่บ้านคลองวาฬ ขับรถตามทางจนถึงอุทยานฯ (เส้นทางจากกองบิน 5 - อุทยานฯ ประมาณ 10 กม.) ซึ่งระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกทางตลอด รับรองว่าไม่หลงแน่นอนค่ะ


พิพิธภัณฑ์เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับเด็ก 10 บาท(สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร), ผู้ใหญ่ 20 บาท แต่วันที่ไปเค้าคิดแต่ของผู้ใหญ่ เด็กให้เข้าฟรีค่ะ ใจดีจัง
พอเข้าไปส่วนแรก ก็จะมีการจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด ซึางหลายๆชนิดก็ดูคุ้นตา พบเห็นได้ตามตลาด เช่นปลาตะเพียน ปลาสวาย บางชนิดไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เคยเห็นเฉพาะเนื้อมัน ได้แก่ ป
ลากราย ก็มีจัดแสดงให้ได้ดูกันด้วย
ถัดจากโซนปลาน้ำจืดก็จะมีปลาที่อยู่ตามป่าชายเลน แล้วก็ต่อด้วยปลาน้ำเค็ม ก็มีหน้าคุ้นๆอยู่หลายตัวเลยค่ะทั้งปลาเก๋า ปลาปักเป้า ปลามังกร แล้วก็อีกมากมาย เยอะไม่แพ้ที่ม.บูรพาเลยที่เดียว แต่ไม่มีปลาหมึก แล้วก็ม้าน้ำนะ อื่นๆก็คล้ายกันกับที่ม.บูรพาค่ะ

และที่นี่ยังมีแท็งค์ปลาขนาดใหญ่ ที่มีปลาขนาดยักษ์และฉลามนักล่าแห่งท้องทะเล ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่เด็กๆเป็นอย่างมาก โดยลักษณะของแท้งค์มีทางลาดวนรอบแท็งค์จากชั้นบนลงมาชั้นล่าง ความสูงประมาณตึกสองชั้นได้ คล้ายกับ โอซาก้า อะควอเรี่ยม เลย แต่เล็กกว่าและค่าเข้าชมถูกกว่ามากกกกกกก

นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ปลาให้ได้เดินดูปลาจากด้านล่าง คล้ายกับเดินอยู่ใต้ท้องทะเลทีเดียว แม้ว่าอุโมงค์จะไม่ยาวนัก แต่ก็มีปลาเยอะพอสมควร สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเลย


ด้านนอกยังมีอ่างน้ำให้สามารถดูปลาดาว และปลาการ์ตูนได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วยนะคะ ไม่แน่ใจว่าเค้าอนุญาตให้จับได้รึเปล่า แต่คุณลูกชายก็เอามือไปกวนในอ่างเรียบร้อยแล้ว หวังว่าปลาเค้าจะไม่ตายนะคะ

หากใครพอมีเวลาสามารถแวะไปเที่ยวชมกันได้นะคะ ข้อดีของที่นี่คือราคาไม่แพง คนเข้าชมน้อย ไม่ต้องเบียดเสียดยัดเยียดกัน และปลาเค้าก้เยอะ หลากหลายไม่แพ้ที่อื่น (ที่แพงกว่านี้) แถมยังมีจุดอื่นๆภายในอุทยานวิทยาศาสตร์ให้เข้าชมได้อีกนะคะ เช่นอาคารดาราศาสตร์และอวกาศ ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการด้านดาราศาสตร์ให้ได้ชมกันด้วย น่าจะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เด็กๆน่าจะชอบค่ะ

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

ไส้กรอกเยอรมัน ตอนที่ 2

ไส้กรอกเยอรมัน สวนผึ้ง ในที่สุดก็มีโอกาสได้กลับไป และได้ลิ้มลองรสชาติกันสักที ใครยังไม่เคยไปลิ้มลองก็ขอเชิญตามมาดูลาดเลากันก่อนได้นะคะ
หลังจากที่ปีนบันไดสูงเสียดเขาขึ้นมาถึงด้านบนได้ ก็จะได้พบกับรางวัลอย่างแรก ในฐานะที่มีความพยายามปีนบันไดขึ้นมาได้สำเร็จ นั่นก็คือดอกไม้ โดยเฉพาะกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์ ที่แข่งขันกันออกดอกอวดโฉมให้แก่ผู้มาเยือนได้ชม

เมื่อขึ้นไปถึง คราวนี้ก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง รีบสั่งอาหารทันที ซึ่งตอนแรกเราจะสั่ง 2 อย่าง คือขาหมูเยอรมัน และไส้กรอก แต่พี่ที่เป็นภรรยาเจ้าของร้านแนะนำว่าให้สั่งเฉพาะขาหมูก่อน เพราะขาใหญ่มาก เป็นห่วงว่าจะกินกันไม่หมด (แปลกดีแฮะ ลูกค้าจะสั่งเพิ่มกลับบอกว่าอย่าเพิ่งสั่ง ) เราก็เลยเชื่อ เลยสั่งไปอย่างเดียวก่อน
รอไม่นานก็ได้อาหารที่สั่ง เจ้าของร้านจะบอกว่าอาหารได้แล้ว แล้วเราก็ต้องไปยกมาเอง พร้อมกับจ่ายเงินให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงยกมาที่โต๊ะ


นี่ไงครับ น่ากินมั้ย ขาหมูจะเสิร์ฟมาพร้อมกับผักนานาชนิด และผักดอง ส่วนจานของเราพิเศษ คือมีมะเขือเทศที่เก็บสดๆจากไร่ด้วย ขอบอกว่าอร่อยเกินบรรยาย เพราะพี่เค้าเดินลงไปเก็บมาจากต้น แล้วก้เอามาหั่นใส่จานให้เราตอนนั้นเลย
นี่ซูมชัดๆอีกรูป จะเห็นว่าหมูเนื้อเยอะมากเลย ไม่มีมันเลยนะขอบอก อร่อยจริงๆ เผลอแว๊บเดียว มันก็เหลือแต่กระดูกตรงกลาง ยังไม่ทันรู้สึกอะไรเลยอ่ะ แบบว่าปกติแบบนี้ที่บ้านเรียกว่า ออเดิร์ฟ เลยสั่งไส้กรอกมาอีก 1 จาน
หลังจากได้ไส้กรอกชิ้นเบ้อเริ่มเข้าไปจึงค่อยรู้สึกว่าอิ่ม (ไม่อิ่มก็คงไม่ได้กลับบ้าน เพราะคงต้องนอนกลิ้งอยู่แถวนั้นแน่ๆ)
นี่คือรูปเคาน์เตอร์ที่พี่เจ้าของร้านเค้าใช้ย่างอาหาร แล้วก็จัดลงจานเสิร์ฟ นั่นไงคุณลูกค้าที่กำลังจะจ่ายตังค์แล้วก็ยกอาหารมาเสิร์ฟให้ตัวเอง เราว่าก็ดีนะ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านดี (ถ้าไม่ต้องจ่ายตังค์ จะเหมือนมากกว่านี้ อิอิ) แถมพี่เค้าก็พูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง ไม่เคยไปร้านอาหารที่ไหน ที่ทำให้รู้สึกอย่างนี้มาก่อน เชื่อมั้ยว่าพอลูกค้านั่งโต๊ะเต็ม พี่เค้าจะลงไปปิดประตูด้านล่าง ไม่รับแขกเพิ่มด้วย สุดยอดจริงๆ ต่างกับหลายๆร้านที่หวังจะเอาลูกค้าจำนวนมากๆ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องอื่นเลย นอกจากเงิน

ใครที่มีโอกาสไปเที่ยวสวนผึ้งก็อย่าลืมแวะไปนะคะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะบรรยากาศดี อาหารอร่อย แถมเจ้าของร้านยังอัธยาศัยดีด้วยค่ะ แต่ขอบอกว่าเปิดเฉพาะวันเสาร์-วันจันทร์ เท่านั้นนะคะ เดี๋ยวไปวันที่ร้านปิดก็จะพลาด ไม่รู้ด้วยนะคะ